วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 22:47 น.

การเมือง » คอลัมน์

แยกรัชวิภา

บ้านเมืองออนไลน์ : วันพฤหัสบดี ที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2565, 18.07 น.

“พลวัตการบริหารราชการไทยภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์”

“พลวัตการบริหารราชการไทยภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์”

 

ศุภภัทรวริศรา เกตุสุนทร

คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันรัชต์ภาคย์

 

“เด็ดดอกไม้เพียงหนึ่งดอกสะเทือนถึงดวงดาว ฤาจะเผาป่าสะเทือนถึงผืนทะเล”

ผู้เขียนขอหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหลังจากมีประเด็นกระแสข่าวระบบอุปถัมภ์ที่ถูกพูดถึงและตีแผ่ในการบริหารราชการไทยที่มีระบบอุปถัมภ์ “ฝังรากลึก” มาอย่างยาวนานสร้างกระแสตีกลับส่งผลกระทบความเสียหายกับการบริหารราชการไทยหลายภาคส่วน จากกระแสข่าวตีแผ่แบบไม่แผ่วที่ได้สร้างประวัติศาสตร์สั่นสะเทือนให้กับการบริหารราชการไทยหลายวงการแบบรวบตึงกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่เป็นลมใต้ปีกของพลวัตการบริหารราชการไทย ภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์ที่ถูกฉีกแนวจากอดีตสู่พลวัตใหม่ที่มีการผูกเงื่อน และมัดปมแน่นให้เป็นที่แคลงใจของสังคมไทยที่ไม่มีทีท่าว่าจะคลายออกแม้แต่ปมเดียวภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์ใหม่ ถูกสร้างแบบไขว้ข้ามแม่น้ำสายหลักหลายสายไว้อย่างลึกล้ำและลงตัว ทำให้ได้มาซึ่งอำนาจบารมี จากการแทรกซึมอย่างแนบเนียนเข้าไปโดยอาศัยช่องว่างของระบบและโครงสร้างอย่างถูกต้องสู่การบริหารราชการโดยการบังคับใช้ระเบียบ ข้อบังคับ ที่อาจจะดูแบบไร้รอยต่อแต่แท้จริงแล้วบิดเบี้ยวและหมิ่นเหม่ ซึ่งสอดคล้องตามทฤษฎีระบบอุปถัมภ์ตามที่ Lande และ Scott กล่าวว่าหากต่างฝ่ายต่างยอมรับในโครงสร้างอํานาจซึ่งกันและกัน เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนายหรือผู้อุปถัมภ์กับลูกน้อง หรือผู้รับการอุปถัมภ์การปฏิสัมพันธ์มาก เมื่อนายกับลูกน้องมีความสนิทชิดชอบกันที่สุด และค่อยน้อยลงเมื่อห่างกัน หากดูแล้วระบบอุปถัมภ์เน้นความสําคัญที่ตัวบุคคลเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกันทำให้เกิดความผันแปรของระบบอุปถัมภ์แบบเครือข่ายที่ไม่เหมือนสมัยอดีต ลักษณะระบบอุปถัมภ์ใหม่มีทั้ง อำนาจ อิทธิพล บารมี พร้อมรังสรรด้วยค่าตอบแทน เงินเดือน รายได้ แบบได้แล้วได้อีกเปรียบเหมือนจับเสือมือเปล่า

ระบบอุปถัมภ์กับการบริหารราชการไทยที่ผ่านมา

“ระบบอุปถัมภ์” ที่ฝังรากลึกในระบบการบริหารราชการไทยมาเป็นเวลายาวนาน และที่ผ่านมาหลายฝ่ายพยายามระดมสมองหาทางแก้ไข แต่ก็เห็นได้ชัดว่ายังไม่สัมฤทธิ์ผลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ระบบการบริหารราชการและวัฒนธรรมการทำงานของราชการยังคงถูกแทรกซึมด้วยระบบอุปถัมภ์มาโดยตลอด ระบบบริหารราชการไทยส่วนหนึ่งยังยึดโยงกับความเชื่อในเรื่อง ”ผู้ใหญ่-ผู้น้อย-การให้ความช่วยเหลือ- การฝากเนื้อฝากตัว- การทดแทนบุญคุณ-ข้าเก่าเต่าเลี้ยง” จึงเกิดระบบที่เรียกว่าเจ้านายเก่าลูกน้องเก่าที่ต่างอุปถัมภ์ค้ำชูช่วยเหลือตอบแทนกันทำให้ระบบอุปถัมภ์ยังคงฝังรากลึกไปทั้งระบบราชการไทย อีกทั้งยังพัฒนาการจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคลมาเป็นความสัมพันธ์ในเชิงผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวพันธ์กันภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์ที่มีอยู่ในระบบบริหารราชการที่อยู่เคียงคู่กันไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยขณะที่ผู้มีอำนาจทั้งหลายไม่ว่าจะมีอำนาจมากหรือน้อยต่างก็ใช้ระบบอุปถัมภ์เพื่อรักษาอำนาจของตนทำให้นำมาสู่ปัญหาระบบบริหารราชการมากมายไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและเมื่อที่ระบบบริหารราชการไทยเป็นพลวัตแผ่ขยายปกคลุมระบบอุปถัมภ์ภายใต้ร่มเงาซึ่งกันและกันอย่างเหนียวแน่นและถูกออกแบบเป็นเครือข่ายโยงใยไว้ Lucien M. Hanks เรียกว่ากลุ่มบริวารที่ห้อมล้อมบุคคลใดบุคคลหนึ่งร่วมกันโดยมีความสัมพันธ์อันเป็นการพึ่งพาอาศัยเพื่อความอยู่รอดผลประโยชน์จะสนับสนุนพฤติกรรมที่สะท้อนคำนิยมและระบบความเชื่อของระบบอุปถัมภ์สนองต่อความต้องการที่เป็นตัวกําหนดความยินดีและความเต็มใจกลายเป็นกระบวนการและโครงสร้างของระบบอุปถัมภ์จึงเป็นร่มเงาปกคลุมอยู่ในระบบบริหารราชการไทยเมื่อใดก็ตามภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์ถูกตีแผ่สังคมไทยจึงได้เห็นสิ่งที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในระบบบริหารราชการปัจจุบันระบบอุปถัมภ์ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนเป็นส่วนใหญ่ เช่น การใช้ระบบอุปถัมภ์เพื่อการแต่งตั้งโยกย้ายให้ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นทำให้มีอำนาจบารมีที่มากขึ้นหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งที่จะแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวได้มากขึ้นหรือเรียกได้ว่า “อภิสิทธิชน” ได้เปรียบผู้อื่นแบบเทียบไม่ติดฝุ่นสร้างความเหลื่อมล้ำต้องการอยู่เหนือผู้อื่น สร้างความไม่เป็นธรรมเอารัดเอาเปรียบแบบสุดโต่ง เมื่อใดชะตาชีวิตของผู้อยู่ในระบบอุปถัมภ์หลุดจากกรอบระบบบริหารราชการส่งผลทันทีดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาลดังคำที่สุนทรภู่ได้กล่าวไว้ว่า “เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์”

การบริหารราชการไทยภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์มีจริงหรือไม่

หากทบทวนกันอย่างจริงจังระบบอุปถัมภ์อาจไม่ใช่ระบบแห่งการช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความจริงใจและมิตรภาพโดยแท้แต่เป็นระบบที่ใช้ช่องว่างหรือโครงสร้างทางสังคมสร้างอำนาจ อิทธิพล บารมีการรักษาฐานอำนาจ รักษาผลประโยชน์กันและกัน สิ่งที่สังคมไทยมองเห็นชัดเจนที่สุดคือระบบพรรคพวก ระบบเส้นสาย โดยไม่ยึดมั่นในหลักคุณธรรมจริยธรรม และจรรยายบรรณ ข้อดีของระบบอุปภัมภ์ในเรื่องความรู้ความสามารถของบุคคลจึงเป็นประเด็นรองเพราะแท้จริงแล้วความสัมพันธ์ส่วนบุคคลต่างหากที่เป็นตัวหลักเช่นกรณีที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ทำให้สะท้อนวงการหลักที่สังคมมองเห็นพร้อมต้องกันว่าความรู้ ความสามารถ ต่างๆ นานา สามารถเนรมิตรขึ้นมาได้เพียงแค่เข้าตามตรอกออกทางประตูที่กำหนดไว้ผู้เขียนมองว่าภายใต้ร่มเงาของระบบอุปถัมภ์หากละเลยความรู้ความสามารถของบุคคลอย่างแท้จริงและสร้างเพียงภาพลวงตาตั้งแต่กระบวนการสรรหา คัดเลือก การแต่งตั้งโยกย้ายการบรรจุ แต่งตั้งเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง การได้รับค่าตอบแทนค่านิยมในระบบอุปภัมภ์กับการบริหารราชการไทยกลายเป็นเรื่องปกติในที่สุด ทำให้ผู้เขียนอดฉุดคิดไม่ได้ว่าหรือ“ระบบอุปถัมภ์”ไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อให้เกิดการยอมรับในอำนาจของบุคคลหรือแท้จริงแล้วระบบอุปถัมภ์เป็นกระบวนการก่อเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นในระบบบริหารราชการไทยอย่างแนบเนียนและแยบยลหากไม่มีเหตุอันใดสังคมจะไม่รับรู้ถึงต้นต่อหรือที่มาภายใต้ร่มเงาระบบอุปถัมภ์ได้เลยหรือหากจะว่าไปแล้วคงจะไม่ใครกล้าหยิกเล็บให้เจ็บเนื้อตัวเองแต่ในมุมกลับกันในขณะที่สังคมไทยเป็นพลวัตที่พลเมืองตื่นรู้ (Active Citizen) ที่ช่วยกันกระพือสร้างแรงกระเพื้อมและโหมกระน่ำระบบอุปถัมภ์ที่ซุกซ่อนอยู้ภายใต้ภูเขาน้ำแข็งระบบบริหารราชการไทยด้วยการพิสูจน์โดยเอาความจริงเข้าแลกเฉกเช่นมีแสงสว่างในที่มืดมิดฉันนั้นหรือจะพากันปิดหูปิดตาและปิดปากให้ระบบอุปถัมภ์ลักษณะแบบนี้กลายเป็นปลวกกัดแทะภาษีประชาชนกันต่อไป