วันพฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568 01:16 น.

การเมือง » คอลัมน์

แยกรัชวิภา

บ้านเมืองออนไลน์ : วันอังคาร ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2566, 17.47 น.

สงกรานต์ใต้ช่วงเลือกตั้ง ไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์พระพุทธวิชัยไตรโลกนาถ วัดประชุมโยธี

สงกรานต์ใต้ช่วงเลือกตั้ง ไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์พระพุทธวิชัยไตรโลกนาถ วัดประชุมโยธี

รองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล

อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน

เริ่มต้นหัวโค้งแรกสงครามน้ำ จ่อหัวสงกรานต์เทศกาลสาดน้ำของประเทศไทย ปรากฏการณ์เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังในรอบกว่าสามปี ที่ห่างหายไปจากภัยโควิด-19 การหวนกลับมาของความสุขจากสายน้ำมาตรงกับศึกเลือกตั้งปี’66 พอดี สายน้ำการเมืองจึงบังเกิดขึ้นทั่วประเทศขณะนี้  เป็นช่วงนาทีทองของผู้สมัครรับเลือกตั้งไปในทีด้วย ได้อานิสงส์กันทั่วหน้าทั้งพรรคข้างรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านได้โอกาสโหนสายน้ำสงกรานต์ร่ายมนต์เสกสายน้ำโกยคะแนน ปล่อยชุดนโยบายมัดใจผู้ลงคะแนน หวังให้ฝ่ายตนได้ประโยชน์ที่สุดคลี่ตารางลงพื้นที่หาเสียงของพรรคเล็กพรรคใหญ่ต่างอัดกันเต็มเยียด เปียกน้ำตุนคะแนนกันถ้วนหน้า

สมรภูมิการชิงชัยในศึกเลือกตั้งปี ’66 นี้ เก็บรายละเอียดกันทุกตารางนิ้วของพื้นที่ ไม่ว่าจังหวัดเล็กหรือจังหวัดใหญ่ ไม่เว้นแม้พื้นที่ไข่แดงจังหวัดเล็กอย่างพังงา ที่เลือกตั้งรอบนี้ มีหลายพรรคการเมืองหวังตีตราจอง แต่ละพรรคต่างยกทัพ ขนขุนพลฝีปากกล้ามาเต็มพังงาส่งให้แสงสปอรต์ไลท์โฟกัสมาที่พังงาอีกครั้งคอการเมืองต่างจับตาไม่กระพริบ เพราะศึกพังงาครั้งนี้ เป็นการสัปยุทธ์กันของเหล่าจอมยุทธ์เลือกตั้ง ทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ ที่ต่างหมายปองเก้าอี้ ส.ส.พังงา มาครอบครองร้อนถึงเจ้าของเก้าอี้เดิมนั่งไม่ติดทุกวินาที เสี่ยงตกเก้าอี้ได้ทุกเวลาพังงา จึงถือเป็นอีกหนึ่งเมืองเล็ก แต่มีศึกใหญ่  พรรคการเมืองพรรคน้อยใหญ่ ต่างตั้งค่าย ลงพื้นที่พบปะประชาชนคนกาคะแนน ทำให้ศึกเลือกตั้ง ปี ’66 พรรคใหญ่ๆ แน่นเมืองพังงา

การชิงชัยเลือกตั้งพังงา เป็นศึกที่เรียกว่าไม่เลิกรักเก่า ไม่เอารักใหม่ หรือจะเลือกเพื่อเปลี่ยนพังงา พรรคสีฟ้า พรรคสีส้ม พรรคสีแดง พรรคที่น้ำเงิน ต่างรายล้อมพังงาไข่ปลาคาเวียร์แห่งอันดามัน อย่างไม่เคยมีมาก่อน

เมืองพังงา มีคำขวัญว่า แร่หมื่นล้านบ้านกลางน้ำถ้ำงามตา ภูพาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากรเมื่อแล่นรถลงใต้ ผ่านมาเห็นป้ายนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าถึงแล้วเมืองพังงา สำหรับเสน่ห์เมืองใต้นั้น พังงาเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ที่ชวนให้ผู้มาเยือนหลงใหล ในเรื่องราวที่มีทั้งประวัติศาสตร์ อาหารและแหล่งท่องเที่ยวแบบอันซีนไทยแลนด์เวอร์ชั่นใหม่ ตื่นตาตื่นใจ เต็มอิ่ม เริ่มจากชื่อจังหวัดก่อนเลย สำหรับชื่อพังงา นั้น มีชื่อเดิมของเมืองว่าเมืองภูงา เป็นเมืองที่มีชื่อคู่กับเมืองภูเก็ต ภูงาก็คือภูเขางา ภูเขาสำคัญจังหวัดพังงา  ตัวเมืองมีขนาดเล็กเมืองนี้ในรัชกาลที่ 2 ขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช พระสุรัสวดีฝ่ายซ้ายเป็นผู้ปกครองยุคแรกของเมืองภูงา เติบโตเป็นที่รู้จักของนักค้าขาย ในฐานะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแร่ดีบุกที่ดีที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก เวลาออกเสียงชื่อเมืองภูงา ในภาษาอังกฤษจึงเกิดการเพี้ยนเสียงไปตามเสียงพูดของชาวต่างชาติ ในภาษาอังกฤษ  PHUNGA กับ PUNGA

สำหรับเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่ อายุเมืองราว 5,000-3,000 ปี เป็นแหล่งที่อยู่ของมนุษย์โบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์  พบหลักฐานการตั้งชุมชน บริเวณป่าเขตต้นลำน้ำ อ.ตะกั่วป่าเรียงยาวไปตลอดเทือกเขาในจังหวัดพังงา  หลักฐานทางโบราณคดีหลายชิ้น เช่น การใช้ขวานหินขัด แบบขวานยาว และแบบจะงอยปากนก หินทุบเปลือกไม้เพื่อใช้ทำผ้าและขวานหินขัดแบบมีบ่าและไม่มีบ่า พบการเคลื่อนตัวของชุมชนไปตามริมฝั่งใกล้ทะเล เป็นชุมชนเกษตรกรรม ชุมชนชาวน้ำ หลักฐานทางโบราณคดี ตัวอย่างเช่น อ.เมือง อ.ทับปุด พบเครื่องมือและภาพเขียนสีตามถ้ำในละแวกอ่าวพังงา  ที่ อ.ตะกั่วป่า พบเครื่องมือขวานหินขัด อาวุธที่ทำด้วย กระดูกสัตว์และภาชนะที่ทำจากดินเผา

ความเก่าแก่ของเมืองพังงา ตอกย้ำความเป็นอันซีนของพังงา ในเรื่องความเก่าของเมืองและชาติพันธุ์ หลังจากกรมศิลปากร ขุดพบหลักฐานหลายชิ้น ใน ปี พ.ศ.2530-2531 หลักฐานสำคัญเช่น โบราณวัตถุจากผิวดินที่มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่ยังพบร่องรอยตามถ้ำและเพิงผาหินปูนไม่ไกลจากชายฝั่งทะเลลักษณะเป็นชุมชนหนาแน่น พึ่งพาความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรทางทะเล ล่าสัตว์เก็บสมุนไพรจากป่า อาศัยอยู่ตามเกาะป่าชายเลน มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย เพราะไม่มีน้ำจืดสำหรับอุปโภคบริโภค เมืองพังงา เป็นแหล่งที่พักเรือสินค้าก่อนเข้าสู่ฝั่ง ซึ่งจากการสำรวจของกรมศิลปากรพบหลักฐานในบริเวณอ่างพังงา หลายจุด  เช่น เขาช้าง เขางุ้ม ถ้ำฤาษีสวรรค์ วังหม้อแกง เขาพังงา เขาเฒ่า เขาหนุ่ย ถ้ำกลาง เขาบ่อ ถ้ำผึ้ง ถ้ำพระ เขาพัง เขาแดง นอกจากนั้นยังพบโบราณคดีด้านศิลปะตามถ้ำหลายแห่ง ให้ได้ไปยลกัน

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ศิลปะ พลาดไม่ได้  งานนี้เรียกว่าต้องตระเวนเยือนโบราณสถานตำบลเกาะคอเขาบ้านทุ่งตึก อำเภอคุระบุรี แหล่งวัตถุโบราณสายเครื่องประดับ จะได้เลือกเสพศิลปะบนลายลูกปัด เศษภาชนะแตกหักจำนวนมากของเมืองตะโกลา(ตะกั่วป่า)

สำหรับนักท่องเที่ยวนิยมสายฮินดู มีเทวรูปในศาสนาฮินดูที่ศักดิ์สิทธิ์ อย่างพระวิษณุเทพ หรือองค์เทพเจ้าพระนารายณ์  อยู่บนเขาเวียง อ.กะปงล่องรอยของชาติพันธุ์พ่อค้าพราหมณ์ ช่างฝีมือจากเมืองปัลลวะ ประเทศอินเดีย เคยใช้เป็นที่ตั้งรกรากในตะกั่วป่าสิ่งเหล่านี้สะท้อนภาพอดีตที่รุ่งเรืองของพังงา สัญลักษณ์แห่งเมืองท่าการค้ามลายูตะวันตก  ที่มีแหล่งเส้นทางเดินเรือตามแม่น้ำสำคัญตะกั่วป่า เต็มไปด้วยผู้ค้าผู้ขาย พ่อค้าวาณิชย์อินเดีย จีน อาหรับ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจการค้าฝั่งมลายู ที่ไม่ว่าจะเป็นยุคที่เมืองอย่างตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่งและถลางขึ้นต่อศรีวิชัยหรือแม้จะในยุคที่หัวเมืองทั้ง 3 ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา ก็ตาม

ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ เมื่อปี พ.ศ. 2328 คราวศึกลาดหญ้าในสมัยรัชกาลที่ 1 พม่ายกกองทัพมาปล้นสะดมเมืองตะกั่วป่าอีกครั้งในปี พ.ศ. 2352 ในการนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์กรมพระราชวังบวร ยกทัพหลวงมาช่วย จากกรุงเทพฯ และได้มาทันขับไล่ทหารพม่าหลบหนีไป ระหว่างศึกได้มีราษฎรบางส่วนอพยพไปหลบภัยอยู่ที่กราภูงา ที่ในภาษามาลายูแปลว่าป่าน้ำภูเงา ที่มีภูเขาล้อมรอบ เมื่อจบศึกแล้ว กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ทรงพระราชดำริว่า พม่าได้เผาเมืองถลางทำให้บ้านเมืองอ่อนแอยากที่จะสร้างขึ้นใหม่ จึงโปรดให้รวบรวมพลเมืองจากถลางข้ามฟากมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่กราภูเงาและจัดการปกครองขึ้นเป็นเมือง  ต่อจากนั้น จะเห็นได้ว่า เมืองตะกั่วป่า ถูกพัฒนาไปมากโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากจากการค้าขายแร่ดีบุก ในระหว่างปี พ.ศ. 2404 - 2433 มีฐานะเท่าเมืองพังงาและเมืองถลาง บางครั้งเจ้าเมืองตะกั่วป่ายังได้ดูแลเมืองอื่น ๆ ด้วย รวมทั้งเมืองตะกั่วทุ่ง ถลาง และภูเก็ตต่อมาเกิดปัญหาขึ้นภายในเมืองเนื่องจากการขัดผลประโยชน์ทางการค้าของชาวจีนก๊กต่าง ๆทำให้การผลิตแร่ดีบุกหยุดชะงัก  และราคาดีบุกในตลาดโลกตกต่ำทำให้เศรษฐกิจของเมืองทรุดลงโดยปลายปี พ.ศ. 2433 มีการปฏิรูปการปกครองแบ่งเป็นมณฑลฝ่ายตะวันตกให้เป็นระบบขึ้น เมืองตะกั่วป่า จึงถูกยกเป็นจังหวัด ขึ้นกับมณฑลภูเก็ต ยุคนี้มีการจัดเก็บภาษีใหม่ โดยพระนราเทพภักดี(สิทธิ์ ) ผู้รักษาเมืองตะกั่วป่า ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการดูแลเมืองตะกั่วป่า และในยุคนี้มีการแบ่งเขตปกครองเป็นอำเภอ3 อำเภอคือ อำเภอตลาดใหญ่ อำเภอเกาะคอเขา และอำเภอกะปงตกเข้าเมื่อ ปี พ.ศ. 2448 จึงย้ายศาลากลางจังหวัดและตัวเมืองมาตั้งที่บ้านย่านยาว ตำบลตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วป่าในปัจจุบัน ต่อมาได้มีการยุบเมืองตะกั่วป่ามาขึ้นกับเมืองพังงาในรัชสมัยของรัชกาลที่ 7 จังหวะที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และมีการแบ่งมณฑล เมืองพังงาและตะกั่วป่าจึงย้ายมาขึ้นกับมณฑลภูเก็ต

เมืองพังงา มีพระอารามหลวงเพียงวัดเดียวที่ถูกใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา พิธีศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ได้แก่วัดประชุมโยธี วัดนี้มีชื่อเดิมว่าวัดควน ความหมายภาษาทางใต้คือวัดที่ตั้งอยู่บนเนินดินหรือเนินเขา พระอารามหลวงแห่งนี้ร่มรื่น สงบ ตัวพระอุโบสถถูกโอบล้อมไว้ด้วยทิวเขาที่เรียงรายอยู่ด้านหลัง เป็นเสมือนป้อมปราการที่ป้องกันภัยวัดนี้ตั้งอยู่ในตำบลท้ายช้างซึ่งเดิมคือตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงาวัดตั้งอยู่ใจกลางเมืองพังงาหาง่าย เดินทางมาสะดวก เป็นวัดเก่าแก่ที่ควรค่าต่อการมาสักการะ  อายุวัด197 ปี อีก 3 ปีจะครบ 200 ปี

พระอารามหลวงแห่งนี้ ตามประวัติระบุว่าสร้างเมื่อ พ.ศ.2369 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 (พ.ศ. 2367- พ.ศ. 2394)ซึ่งเดิมเป็นสำนักสงฆ์ ต่อมาบุคคลสำคัญของพังงา คือหม่อมยี่สุ่น เจ้าจอมในรัชกาลที่ 3ก็ได้มาอุปถัมภ์วัดนี้ด้วย โดยหม่อมยี่สุ่น นั้น ท่านเป็นคนพื้นเพคนพังงาเป็นธิดาคนโตของพระยาบริรักษ์ภูธร (แสง ณ นคร) ผู้ว่าราชการเมืองพังงาโดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัววัดประชุมโยธี เป็นวัดที่ปล่อยทิ้งร้างไว้ไม่น้อยกว่า23  ปี และได้รับการบูรณะพระอารามมาเป็นระยะ จนถึงปี พ.ศ. 2392ต่อมา ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2448พระอุโบสถวัดนี้ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และทำติดต่อกันมาหลายปีจนถึงสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองและได้เปลี่ยนชื่อจากวัดควน เป็นวัดประชุมโยธี ตามเหตุการณ์ที่ใช้เป็นที่ประชุมกันของเหล่าทหาร  ตำรวจ  ข้าราชการ ลูกเสือ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ยกเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ในปี พ.ศ.2525

วัดประชุมโยธีมีการวางรากฐานการพัฒนาวัดทั้งปริยัติ ปฏิบัติ สืบทอดจากเจ้าอาวาสแต่ละรุ่น มาอย่างต่อเนื่อง รูปปัจจุบันคือท่านเจ้าคุณฯ พระเทพปัญญาโมลี(วิศิษฐ์ กนฺตสิริ ป.ธ.9)เป็นพระเถระชั้นปกครองที่มีผลงานผ่านการบริหารงานคณะสงฆ์ โดยได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดพังงา และรองเจ้าคณะภาค 17  เป็นพระเถระที่มีบทบาทในการทำงานรับใช้คณะสงฆ์ ท่านเน้นเรื่องการศึกษา ได้เปิดสอนธรรมแก่พระภิกษุ สามเณรทั้งจังหวัด โดยเป็นพระอารามหลวงที่ใช้เป็นสถานที่จัดสอบธรรมและบาลีสนามหลวงเป็นประจำทุกปีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ที่มาเยี่ยมชมพระอารามแห่งนี้จะได้กราบสักการะขอพร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อพระพุทธวิชัยไตรโลกนาถ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยแบบล้านนาเชียงแสนและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาชาติพันธุ์ท้องถิ่น หอไตรเก็บคัมภีร์ไตรปิฎกและปิดทองมณฑปพระพุทธบาทดังนั้น สงกรานต์เมืองใต้ปีนี้ นักท่องเที่ยว นักการเมือง พ่อค้า เมื่อมาเยือนพังงาต้องไม่พลาดไหว้พระวัดประชุมโยธี กราบนมัสการท่านเจ้าคุณฯ พระเทพปัญญาโมลี(วิศิษฐ์ กนฺตสิริ ป.ธ.9)ไหว้พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อสัมฤทธิ์พระพุทธวิชัยไตรโลกนาถเพื่อชีวิตจะสมปรารถนา ราบรื่น รุ่งเรือง ก้าวหน้า ถ้วนหน้า ท่ามกลางศึกเลือกตั้งปีกระต่าย’66 เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์