การเมือง » คอลัมน์
แยกรัชวิภา
บ้านเมืองออนไลน์ : วันศุกร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 14.11 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
ทุนทางสังคมกับการสร้างเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
ทุนทางสังคมกับการสร้างเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระพงษ์ มีไธสง
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ทุนมนุษย์ เป็นฐานรากของสังคมไทยและวัฒนธรรมไทย ที่ยึดโยงกับการศึกษาของชาติไทยเรามายาวนาน ถือว่าการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นเกลียวเชือกที่ทำให้สังคมมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในแง่นี้ วัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างชาติไทยวัฒนธรรมที่มีหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่จับต้องได้ และที่เป็นมิติทางจิตวิญญาณ อารมณ์และสุนทรียภาพ เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มาจัดลำดับและสร้างคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจ จะเกิดมูลค่ามาก วัฒนธรรมถือว่าเป็นทุนที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และผลักดันองค์กรสามารถก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะเห็นตัวอย่างชัดเจนจากประเทศที่มีการพัฒนาระบบการศึกษาที่เป็นรากฐานที่จะพัฒนามนุษย์ให้มีศักยภาพทั้งทางกาย จิตใจ ความคิดต่างๆ จากการมองเห็นว่า กระบวนการขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ รวมถึงเศรษฐกิจ ล้วนมีมนุษย์เป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้สามารถขับเคลื่อนได้
ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีศักยภาพจำนวนมาก รัฐจะต้องดึงเอาคนเหล่านี้มาส่งเสริมให้มีเสรีภาพทางความคิด โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถนำไปต่อยอดได้ จะขอขยายความยกตัวอย่างประกอบอย่างเช่น
ทุนทางทรัพยากร ประเทศเรามีความหลากหลายทางทรัพยากร มีลักษณะภูมินิเวศที่แตกต่างและหลากหลาย มีทะเล แม่น้ำ ภูเขา รวมถึงป่าไม้ แร่ธาตุต่างๆ เป็นจำนวนมากที่รอกระบวนการนำเอามาพัฒนาและต่อยอดให้กลายเป็นสินค้าที่ส่งเสริมให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจตัวอย่างที่เห็นได้ชัด อาทิเช่น
ทุนทางวัฒนธรรม ความหลากหลายทางวัฒนธรรมใน 4 ภาคที่แตกต่างและมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจมากมายกระบวนการสร้างมูลค่าทุนทางสังคม

กระบวนการนำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่ม มีวิธีการที่ทำได้อย่างเช่น สำรวจค้นหาทุนทางสังคมทั้ง 3 ประเด็น โดยเลือกเอาทุนที่มีศักยภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมาเป็นกรณีศึกษาและต่อยอดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
ขณะเดียวกัน รัฐให้ทุนหรืองบประมาณทั้งเพียงพอสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาทุนดังกล่าวให้ชัดเจนและต่อเนื่อง อาจดูกรณีตัวอย่างของประเทศเกาหลีใต้ที่รัฐยอมลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการนำเอาวัฒนธรรมมาสร้างอัตลักษณ์เพื่อนำไปสู่ตลาดโลกอย่างประสบผลสำเร็จ
ที่สำคัญคือ สร้างหน่วยงานหรือกลไกที่สำคัญเป็นเจ้าภาพอย่างชัดเจน ทำหน้าที่ขับเคลื่อนภายใต้การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ผลิตซ้ำทุนดังกล่าวทุกวิถีทาง ในแง่นี้ จะต้องมีหน่วยงานด้านทุนมนุษย์หน่วยงานด้านทุนทรัพยากรหน่วยงานด้านทุนวัฒนธรรมเข้ามาส่งเสริมตรงนี้ หรืออาจนำเอาหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ในแล้วทั้งในระบบและนอกระบบราชการมาตั้งเป็นหน่วยงานอิสระ ให้มีความคล่องตัวในเชิงภาคเอกชนให้มากโดยรัฐไม่เข้าไปควบคุม ปล่อยให้กลไกการบริหารเป็นไปในลักษณะบริษัทเอกชน หรือมหาชน
และจัดระบบการบริหารจัดการ กำหนดให้มีกลไกการตรวจสอบและประเมินความก้าวหน้าที่เป็นขั้นตอนให้เกิดความก้าวหน้าและรวดเร็ว พยายามผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าและทันต่อความค่านิยมของตลาดหรือผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน การมีระบบมาตรฐานสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรม ที่หากเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นหรือไม่ตอบโจทย์ตลาด จะต้องถูกนำมาทบทวนและแก้ไขอย่างทันท่วงที เพื่อแก้ไขและพัฒนาให้ตอบโจทย์และทันต่อค่านิยม รวมถึงแนวโน้มการตลาด
วัฒนธรรมเป็นทุนทางสังคมที่สำคัญ มีมูลค่าสูงในการนำมาสร้างเป็นนวัตกรรมสร้างสรรค์ ทำให้สินค้าชุมชนที่เป็นภูมิปัญญาของชาติไทย เป็นจุดแข็งที่จะสร้างเศรษฐกิจชุมชนบนฐานวัฒนธรรม ที่นับว่าเป็นทุนทางสังคมที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง » คอลัมน์
คอลัมน์ล่าสุด ![]()
...คำถามประจำวันเด็ก...
ใต้ถุนสภา- ปรากฏการณ์ "ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน" 21:25 น.
- “หนี้นอกระบบ” 05:33 น.



