การเมือง » คอลัมน์
แยกรัชวิภา
บ้านเมืองออนไลน์ : วันอังคาร ที่ 04 กรกฎาคม พ.ศ. 2566, 18.36 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ทิศทางปริยัติศึกษาแผนกสามัญ การจัดการศึกษาพระพุทธศาสนายุคใหม่
ทิศทางปริยัติศึกษาแผนกสามัญ การจัดการศึกษาพระพุทธศาสนายุคใหม่
รองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
การศึกษาของพระพุทธศาสนาที่เรียกว่าการศึกษาปริยัติศึกษา แผนกธรรม และแผนกสามัญ ในอดีตนั้น มีความไม่ชัดเจน และมีการดำเนินการอย่างยากลำบากมานาน ทุกอย่างเป็นเรื่องของการที่เจ้าสำนักปริยัติศึกษาแต่ละแห่งต้องบริหารด้วยความสามารถและแรงศรัทธาที่ได้รับจากพุทธศาสนิกชนเป็นหลัก งบประมาณที่รัฐหรือคณะสงฆ์จัดให้เพื่อดำเนินการและช่วยเหลือบุคลากรทางการศึกษาแผนกนี้ มีแบบจำกัดจำเขี่ยและการทำงานบริหารและการสอน อยู่ในรูปของจิตอาสาและการทำหน้าที่ของพระสงฆ์เป็นหลัก หมายความว่าสวัสดิการหรือระบบสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ต่างๆ ไม่มีความพร้อม ทำให้การปริยัติศึกษาแผนกทั้งสองข้างต้น ขาดการรับรองมาตรฐานการศึกษาตามที่รัฐกำหนดเป็นกรอบมาตรฐานคุณวุฒิไว้ นี่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ถูกทิ้งวางไว้ไกลตัวมานาน
ต่อเมื่อ ระบบการศึกษาและสังคมโลก มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คณะสงฆ์ไทยได้มีมติเข้ามาส่งเสริมและพัฒนารูปแบบการศึกษาแผนกฯ ดังกล่าวนี้ มหาเถรสมาคมได้มอบหมายให้พระชั้นผู้ใหญ่เข้ามาดำเนินการ โดยมี พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)วัดประยุรวงศาวาส พระธรรมวชิรเมธี(เจ้าคุณฯ มีชัย วีรปญฺโญ) วัดหงส์รัตนาราม และท่านเจ้าคุณพระเทพเวที(พล อาภากโร) วัดสังเวชวิศยาราม โดยขณะนี้ ได้ปรับปรุงอนุบัญญัติประกอบ พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562 มีสาระสำคัญ 11 ด้าน ประกอบด้วย 1.การจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน 2.การจัดทำมาตรฐานการศึกษา 3.การประกันคุณภาพการศึกษา 4.การรับรองหลักสูตร การรับรองผู้จบหลักสูตร 5.คุณสมบัติของบุคลากรการสอน สายสนับสนุน กำหนดกรอบ เกณฑ์ มาตรฐาน 6.การวางโครงสร้างภายใน 7.การบริหารจัดการภายในองค์กร 8.การตรวจสอบภายใน 9.การกำหนดระเบียบพัสดุ การขึ้นทะเบียนพัสดุ 10.การกำหนดมาตรฐานและคุณสมบัติของครู นักเรียน ที่จบหลักสูตร และ 11.การกำหนดโทษทางวินัย ทั้งนี้หวังว่าจะเป็นการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้มีความเท่าเที่ยมและมีมาตรฐานการศึกษาที่เป็นไปตามกรอบคุณวุฒิสากลที่ตอบสนองการให้การศึกษาที่เหมาะสมกับทุกคนในสังคมไทย
ยังเป็นความท้าทายว่าหลังมีการออก พ.ร.บ. ดังกล่าวนี้ จะทำให้ปัญหาหลักของการการศึกษาที่พระสงฆ์ดำเนินการอยู่มีหลายเงื่อนไขที่ยังมีข้อจำกัดในการดำเนินการ จะได้รับการแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัยและมีมาตรฐานสากลได้มากน้อยเพียงไร การที่หน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการศึกษาแผนกสามัญศึกษาและปริยัติธรรมศึกษา ไม่มีกฎหมายในเรื่องการจ้างให้ชัดเจน และโรงเรียนไม่ได้มาตรฐาน จะหมดไปหรือไม่
ที่ผ่านมานั้น กฎหมายและระเบียบการจัดการศึกษามีการปรับปรุงเป็นบางช่วง ตลอด 14 ปี คือ มีการปรับปรับกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมโดยสำนักพุทธฯ พ.ศ.2548 และกฎหมายที่เป็นพระราชบัญญัติการศึกษาปริยัติธรรม พ.ศ.2562 โดยเป้าหมายที่ปรับปรุงคือ ต้องการพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั่งร่างกาย จิตใจ สติปัญญาความและคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข เป็นการสนับสนุนให้นำหลักธรรมของศาสนามาใช้เพื่อสร้างสรรค์คุณธรรมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเราเองและสังคมรอบตัว ซึ่งมีกำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล มาตรา 29 และ มาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระบุให้มีการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคล และด้านการบริหารทั่วไป
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญหาการบริหารงานบุคคล เป็นปัญหาเร่งด่วนประการแรก ในการปฏิรูปการปริยัติศึกษา ที่ต้องจัดระบบและอาศัยความต่อเนื่อง ตั้งแต่การวางแผนกำลังคน การสรรหา การสรรหา การแต่งตั้ง การบำรุงและพัฒนา การจัดการระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการ การบริหารการเกษียณอายุราชการ โดยเน้นการพัฒนาและสร้างขวัญกำลังใจ นโยบายการบริหารงานบุคคลต้องยึดหลักการแต่งตั้งบุคคลตามคุณความดีและหลักธรรมาภิบาล ซึ่งต้องอิงกับเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาของรัฐอย่างเป็นด้านหลัก เป็นเรื่องที่ต้องยอมปรับตัว และเรียนรู้กับหลักเกณฑ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับการปริยัติศึกษา
ทั้งนี้ ข้อจำกัดของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาปัจจุบันคือ ระบบการบริหารทรัพยากรบุคลากร ระเบียบว่าด้วยการบรรจุเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ หากมีความชัดเจน และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด จะช่วยยกระดับเป้าหมายในการพัฒนาการจัดกาเรียนการสอนให้มีคุณภาพและมาตรฐานเท่าเทียมกันได้
การพัฒนาระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการกำหนดทิศทางการทำงานให้สอดคล้องกับคณะสงฆ์ในการพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติงานในโรงเรียนที่เน้นให้หลักแนวความคิดและหลักการทำงานอย่างสอดคล้องกับหลักธรรมของศาสนาและการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งจะทำให้การพัฒนาโรงเรียนปริยัติแผนกสามัญเป็นไปอย่างมีความสอดคล้องและเหมาะสมกับคณะสงฆ์และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
แนวคิดเรื่องปริยัติธรรม ซึ่งมีรากฐานมาจากปรัชญาอินเดียโบราณ ครอบคลุมหลักการและข้อผูกมัดทางศีลธรรมที่ชี้นำบุคคลให้ดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม ในขณะที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญตั้งแต่ยุคอารยธรรมอินเดียโบราณ หลักการพื้นฐานของธรรมะยังคงเกี่ยวข้องในสังคมสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่การปรับหลักการเหล่านี้ให้เหมาะกับความต้องการและความจำเป็นที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน ปริยัติธรรมทั่วไปซึ่งอยู่เหนือขอบเขตทางศาสนาและวัฒนธรรมทำหน้าที่เป็นเข็มทิศทางศีลธรรมที่สามารถช่วยบุคคลให้นำทางความซับซ้อนของโลกสมัยใหม่ เราสามารถจัดเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับบุคคลในการตัดสินใจทางจริยธรรมและดำเนินชีวิตอย่างมีจุดหมายได้ โดยการรวมหลักธรรมะเข้ากับการศึกษาในฉากทัศน์ของการปริยัติศึกษาแผนกสามัญและแผนกธรรม เพื่อส่งเสริมธรรมะทั่วไปในการปริยัติศึกษาทั้งสองประเภท คือสามัญ และแผนกธรรมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบูรณาการคุณธรรมและจริยธรรมเข้าไปในหลักสูตร ด้วยการรวมวิชาที่เน้นการพัฒนาลักษณะนิสัยและค่านิยม เช่น วิชาศีลธรรมหรือจริยธรรม ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการกับประเด็นขัดแย้งทางจริยธรรมและตัดสินใจอย่างรอบรู้
นอกจากนี้ควรเน้นการปลูกฝังทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เพราะจะทำให้บุคคลสามารถวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีวิจารณญาณและตัดสินใจเลือกสิ่งที่สอดคล้องกับธรรมะได้ โดยการส่งเสริมวัฒนธรรมของการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมและการตัดสินใจ การศึกษาสามารถมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมธรรมะทั่วไปและหล่อหลอมบุคคลที่ไม่เพียงมีความสามารถทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังมีความรับผิดชอบทางศีลธรรมด้วย
การส่งเสริมการปริยัติศึกษาแผนกธรรม และแผนกสามัญ ไม่ได้ปราศจากความท้าทาย
ความท้าทายประการหนึ่งคือความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนาที่มีอยู่ในโรงเรียน สิ่งสำคัญคือต้องทำให้แน่ใจว่าการสอนธรรมะทั่วไปเคารพและยอมรับความเชื่อและค่านิยมที่หลากหลายของนักเรียนจากภูมิหลังที่หลากหลาย ซึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยการนำเสนอธรรมะเป็นแนวคิดสากลที่อยู่เหนือบริบททางศาสนาหรือวัฒนธรรมเฉพาะ นอกจากนี้ การสอนธรรมะทั่วไปควรสร้างความสมดุลระหว่างเสรีภาพและความเป็นอิสระของปัจเจกบุคคล เปิดโอกาสให้นักเรียนได้สำรวจและตั้งคำถามในขณะเดียวกันก็ปลูกฝังความรับผิดชอบทางศีลธรรมด้วย การร่วมมือกับผู้ปกครอง ชุมชน และสถาบันคือวัดที่จัดการศึกษา ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการผสมผสานคุณค่าทางธรรมเข้ากับการศึกษา ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการปรับปรุงผลการดำเนินการให้ทันกับยุคสมัย ตัวอย่างเช่น หลักสูตรการศึกษาที่ทับซ้อนกัน วิธีการสอนที่ล้าสมัยแล้ว ยังทำให้ผู้เรียนภาษาบาลีโดยเฉพาะกลุ่มพระสงฆ์สามเณรไม่ได้รับความสนใจ ตัวนักเรียนไม่อยากเรียน เพราะมีแต่ความจำ ไม่มีกระบวนการเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ร่วมกันในชั้นเรียน ขณะที่ผู้เรียนอย่างสามเณรส่วนใหญ่ จะถามคำถามนี้ จบธรรมบาลีศึกษา คุณจะใช้อะไรในการทำงานให้สำเร็จ
ครูผู้สอนเอง ไม่มีจินตนาการในการสอน ไม่มีแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการสอน ได้แต่สอนกันตามๆมา เพราะหลักสูตรตายตัว จำเจ ตราบใดที่ผู้รับผิดชอบหลักสูตรบาลี ยืนกรานแนวคิดอนุรักษ์นิยมไม่เปลี่ยนแปลง ธรรมศึกษา-บาลี คงรอต่อไป
เช่นเดียวกับประเด็นด้านศาสนกิจหรือทุนวัด ประเด็นหนึ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าต้องมีการปฏิรูปอย่างเร่งด่วนคือประเด็นเชิงโครงสร้าง “การปฏิรูปการศึกษาคณะสงฆ์” ในพระพุทธศาสนาไทย ถูกหมักบ่มมาหลายร้อยปีและยังไม่สามารถส่งเสริมการปฏิรูปให้เป็นสถาบันแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริงได้
แนวคิดเรื่องธรรมะซึ่งมาจากปรัชญาอินเดียโบราณถือเป็นหลักการชี้นำบุคคลในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรมและบรรลุผลสำเร็จมาช้านาน สภาพสังคมสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความเกี่ยวข้องของธรรมะทั่วไปกลับเป็นปัญหา ความสำคัญของการนำหลักธรรมเข้าสู่การศึกษา และความท้าทายที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมธรรมะทั่วไปในการศึกษา บทบาทของการปริยัติศึกษาแผนกสามัญ และแผนกธรรม ที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคมสมัยใหม่ จำเป็นต้องมีการประเมินผลการจัดการศึกษาใหม่ โดยการปรับให้เหมาะกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคม กล่าวคือมีการจัดการทำหลักสูตร กิจกรรมหลักสูตร ที่วัดผลได้ ประเมินผลได้ตามแบบการจัดการจัดการศึกษาสมัยใหม่มากขึ้น การเรียนรู้ต่าง ๆ ต้องมีเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยให้การศึกษามีความลึก กว้าง น่าสนใจ มีการจัดลำดับขั้นของหลักสูตรเป็นรายวิชาต่าง ๆ ให้ง่ายต่อการเรียนรู้ โดยในอนาคตอาจต้องมีรายวิชาเลือกบังคับและเลือกเสรี เพื่อทำให้การเรียนการสอนมีความสะดวกกับผู้เรียนในช่วงชั้น และระดับอายุมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เสน่ห์ของการปริยัติศึกษาแผนกธรรม แผนกสามัญ ที่มีอยู่คือการสอนให้เกิดความเข้าใจ เกิดความคิด และเกิดคุณธรรม ตามแบบของการเรียนรู้ของพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ นั้น มีความสำคัญมาก ถือเป็นหัวใจในการสร้างคน การบูรณาการคุณธรรมและจริยธรรมในหลักสูตรเป็นเรื่องที่ท้าทายแม้จะมี พ.ร.บ.การปริยัติศึกษาฯ เกิดขึ้นแล้ว แต่การเอาชนะความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการปริยัติศึกษาแผนกสามัญให้ควบคู่ไปกับแผนกธรรม อย่างกลมกลืนกันนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งกว่า เพราะเป็นการยกระดับการศึกษาให้สามารถทำหน้าที่เป็นพาหนะในการปลูกฝังค่านิยมที่ไร้กาลเวลา ในสังคมที่ความรู้คือข้อมูล ที่นับวันความเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าว จะไร้ขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง » คอลัมน์
คอลัมน์ล่าสุด ![]()
...คำถามประจำวันเด็ก...
ใต้ถุนสภา- ปรากฏการณ์ "ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน" 21:25 น.
- “หนี้นอกระบบ” 05:33 น.