การเมือง » คอลัมน์
แยกรัชวิภา
บ้านเมืองออนไลน์ : วันพุธ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 13.50 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

การปฏิวัติคอนเทนต์ในยุค AI: ชุมชนท้องถิ่นเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร
การปฏิวัติคอนเทนต์ในยุค AI: ชุมชนท้องถิ่นเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล
อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ความก้าวหน้าของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มาจากความพยายามที่จะสร้างโปรแกรมที่คำนวณและประพฤติตนเหมือนมนุษย์ แนวคิดนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1800 ในสมัยของชาร์ลส์ แบบเบจ(Charles Babbage)ในปี ค.ศ.1800 แต่ความคิดเหล่านี้ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในแง่ของเทคนิคต่อมาพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์มีมากขึ้น ผลการวิจัยหลายชิ้นทำให้ความสามารถในการคำนวณและการเรียนรู้ของ AI เพิ่มมากขึ้น ในช่วงศตวรรษที่20 AI มีการพูดถึงมากขึ้นเมื่องานตีพิมพ์ของ อลัน เทียริง (Alan Turing) ถูกเผยแพร่ออกมาในชื่อเรื่อง On Computable Numbers ในปี 1936ขณะเดียวกันการมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น มีโปรแกรมที่ช่วยให้ทำงานต่าง ๆได้สะดวกขึ้น ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้สั่งงานด้วยการเสียง หรือโมเด็มหรือแม้แต่การโพสต์ อย่างการคำนวณเครื่องคิดเลขแบบดั้งเดิมของบาบเบจ (Babbage's Analytical Engine) หรือเครื่องวิเคราะห์ข้อมูลของเคมบริดจ์ (Herman Hollerith) ซึ่งสะท้อนให้เห็นความสำเร็จของการคิดค้นเครื่องมือที่สามารถมีส่วนช่วยในการคำนวณ
ในระยะ 2 ปี คือ ค.ศ.1940-1950 มีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สามารถดำเนินการนวณได้โดยอัตโนมัติ เช่น ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Computer) ซึ่งถือเป็นคอมพิวเตอร์แรกที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1946
การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ในทศวรรษ 1950 และ 1960 นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรในสาขาคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานเพื่อสร้างโปรแกรมและอัลกอริธึมที่สามารถจำลองการคิดและการเรียนรู้ของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น John McCarthy พัฒนาภาษาการเขียนโปรแกรม คำว่า Lisp และปัญญาประดิษฐ์ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในการประชุม Dartmouth ในปี 1956
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีช่วงเวลาทั้งที่เติบโตและช่วงเวลาที่ตกต่ำ ช่วง 20 ปี ระหว่างปี ค.ศ.1950-1970 โดยตกต่ำมากสุดอยู่ในช่วงวันที่เรียกว่าภาควานิโก(AI Winter) เนื่องจากความหวังที่เกินมากใน AI และสมรรถนะของเทคโนโลยีในสมัยนั้นมีค่อนข้างต่ำ ต่อมา AI ก็ได้รับการพัฒนาอีกครั้งในช่วงทศวรรษ 1980-1990 ด้วยการวิจัยในด้านระบบความรู้และเครื่องจักรเรียนรู้
ปี ค.ศ.2000-2010 การพัฒนา Deep Learning หรือการเรียนรู้เชิงลึกเริ่มขึ้นมาเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนา AI ที่ทำให้ความสามารถในการรู้จากข้อมูลมหาศาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เทคโนโลยี Deepโดย AI มีผลกระทบต่อสังคมในบริบทที่กว้างมาก และส่งให้มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในสังคมและการประกอบอาชีพเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การปฏิวัติคอนเทนต์ในยุคแห่ง AI มีผลกระทบใหญ่ต่อวิวัฒนาการในสาขาหลายๆ ด้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนการปฏิวัติคอนเทนต์ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น
การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง ระบบจะสามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงขึ้นและถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ โดยใช้ข้อมูลและข้อความที่มีอยู่ เช่น การสร้างบทความข่าว เนื้อหาบล็อกโพสต์ หรือแม้แต่บทความวิชาการ เป็นต้น
การสร้างคอนเทนต์อัตโนมัติ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ระบบสามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเรียบร้อยขึ้นอัตโนมัติ โดยใช้ข้อมูลและข้อความที่มีอยู่ เช่น การสร้างบทความข่าว, เนื้อหาบทความบล็อก, หรือแม้กระทั่งบทความวิชาการได้เป็นต้น
การปรับแต่งคอนเทนต์สำหรับประสานกับผู้ใช้ ระบบ AI สามารถปรับแต่งคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคนโดยอัตโนมัติ โดยใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ เช่น การแนะนำสินค้า, บทความ, หรือเนื้อหามัลติมีเดีย
การสร้างภาพยนตร์และวิดีโอAI สามารถใช้สกิลการตัดต่อวิดีโอและกราฟิกในการสร้างภาพยนตร์และวิดีโอที่มีคุณภาพสูง โดยรวมซีนต่างๆ ในวิดีโออัตโนมัติ นี่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการสร้างเนื้อหาสื่อสารสังคมและการตลาด
การควบคุมการกระจายคอนเทนต์สามารถทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องด้วยAI ช่วยให้ใช้ระบบการสื่อสารและบริษัทติดตามและควบคุมการกระจายคอนเทนต์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิเคราะห์ผลการกระจายคอนเทนต์และปรับปรุงเป็นไปตามผลลัพธ์ ขณะเดียวกัน AI ช่วยให้การแปลภาษามีความง่ายขึ้นเช่นกัน ระบบแปลภาษาแบบ AI สามารถแปลภาษาอัตโนมัติอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้เนื้อหาสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่พูดภาษาต่างๆ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสภาพสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดการปฏิวัติคอนเทนต์ในยุค AI มีความหลากหลายขึ้น และขณะเดียวกัน AI ก็มีศักยภาพมากขึ้นที่ช่วยให้เกิดการลดเวลาและสร้างคอนเทนต์ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับผู้ใช้ แต่ในขณะเดียวกัน การควบคุมความถูกต้องและความคุ้มค่าของข้อมูลและคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นก็มีความเช่นกัน กล่าวคือ AI เพื่อป้องกันปัญหาเนื้อหาปลอมหรือไม่เหมาะสมที่อาจเกิดขึ้นในระบบอัตโนมัตินี้ด้วย การควบคุมคุณภาพคอนเทนต์จึงเป็นอย่างมากในยุคนี้เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีและมีคุณค่าในการเข้าถึงข้อมูลและความรู้ผ่านคอนเทนต์ AI
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า การปฏิวัติคอนเทนต์ในยุคแห่ง AI มีผลกระทบใหญ่ต่อการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัย ด้านการเรียนการสอนได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและเครื่องมือ AI ในลักษณะต่างๆ ดังนี้
สร้างและปรับปรุงเนื้อหาการเรียนการสอนให้น่าสนใจและทันสมัยยิ่งขึ้น ระบบAI หรือปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยสร้างเนื้อหาการสอนคุณภาพสูงและประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าดึงดูด การสร้างบทความ การสอนเรื่องราว หรือเนื้อหาการสอนในรูปแบบต่างๆ โดยอัตโนมัติ การใช้ปัญญาประดิษฐ์สามารถลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาเนื้อหา ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถอัพเดตเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของนักศึกษา
การปรับแต่งการสอนส่วนบุคคลAI สามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและประสบการณ์การเรียนการสอนของนักศึกษาในการปรับแต่งการสอนให้เหมาะกับความรู้และความสามารถของแต่ละคน นักศึกษาสามารถได้รับประสบการณ์การเรียนที่ทันสมัยและกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ตามความสามารถของตนเอง
การใช้ Chatbots ในการสนับสนุนการเรียนการสอนที่เป็นตัวช่วยเสมือนมนุษย์อื่นๆ ที่มีพลังของ AI สามารถใช้ในการตอบคำถามของนักศึกษา ช่วยในการสนับสนุนและแก้ไขปัญหาทางการเรียนการสอน ซึ่งช่วยลดภาระงานของบุคคลครูและเพิ่มความเร็วในการให้คำตอบตลอดจนช่วยในการใช้การประเมินและการทดสอบ หมายความว่าขณะนี้ AI สามารถช่วยในการสร้างและปรับปรุงการทดสอบและการประเมินผลการเรียนรู้ โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการสอบ มหาวิทยาลัยสามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็วและตรวจสอบความสามารถของนักศึกษาได้ที่ถูกต้อง
ดังนั้น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาการสอนจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระของผู้สอนลงไปได้มาก AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้เพื่อช่วยในการพัฒนาวิธีการสอนและเนื้อหาการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น การติดตามความก้าวหน้าของนักศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้ที่ได้จาก AI ช่วยในการปรับปรุงคุณภาพการสอน
การปฏิวัติคอนเทนต์ในยุค AI นี้ จะช่วยให้การปรับปรุงประสิทธิภาพการสอนและการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยสามารถทำได้หลายรูปแบบขึ้น แต่สถาบันการศึกษาเองก็มีสิ่งที่ต้องทำคือ ต้องมีระบบรักษาสมดุลในการเรียนการสอน คุณภาพและความคุ้มค่าของการใช้งาน AI โดยที่นักศึกษาจะได้ประโยชน์จากAIมากที่สุดด้วย
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการใช้ประโยชน์ AI มีทฤษฎีและแนวคิดอยู่หลายสำนักคิด การนำAI ที่สำคัญคือ
ทฤษฎีความเสมอภาค (Fairness Theory) แนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่อต้องการให้คอนเทนต์ AI มีความยุติธรรมและไม่มีการเลือกข้าง เพื่อป้องกันการแบ่งแยกและความไม่เท่าเทียมในการจัดพิสูจน์ นี่เป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติคอนเทนต์ AI ที่เกี่ยวข้องกับมิติเชิงสังคมและวัฒนธรรมของผู้ใช้
ทฤษฎีความเป็นส่วนตัว (Privacy Theory) การให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทฤษฎีการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า (Value-Driven Content Theory) มีหลักการคือให้ความสำคัญกับการสร้างคอนเทนต์ AI ที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ เพื่อให้คอนเทนต์นั้นสามารถตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม
ทฤษฎีการศึกษาและปรับเรียนรู้ (Learning and Adaptation Theory) เน้นการใช้ AI เพื่อเรียนรู้และปรับตัวต่อพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้ เพื่อปรับปรุงความสามารถในการให้บริการและประสบการณ์ของผู้ใช้
ทฤษฎีการวิเคราะห์และประเมิน (Analysis and Evaluation Theory) แนวคิดคือ การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อวิเคราะห์และประเมินประสิทธิภาพของคอนเทนต์ และการให้ข้อมูลตรงตามผลประเมินเพื่อปรับปรุงคุณภาพ
ทฤษฎีความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness Theory) เน้นการสร้างความเชื่อถือในคอนเทนต์ AI โดยการทำให้ผู้ใช้มีความมั่นใจในความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของระบบ
ทฤษฎีการปฏิบัติคอนเทนต์ที่มีความรับผิดชอบ (Responsible Content Practices Theory) สาระสำคัญคือการใช้คอนเทนต์ AI โดยมีความรับผิดชอบต่อผู้ใช้และสังคมโดยรวม โดยการรักษาความสอดคล้องกับกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
จะเห็นได้ว่า แนวคิดเหล่านี้ ต่างก็มีความพยายามที่จะทำให้ AI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีการคำนึงเรื่องอื่น ๆ ที่อาจจะกระทบต่อความเป็นมนุษย์ด้วย ต่อมา ที่มีการนำ AI มาใช้มากขึ้นคือในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มุ่งประสิทธิภาพในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะในด้านการสร้างสรรค์และการแบ่งปันความรู้ สร้างเนื้อหาและข้อมูลใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI เช่นการสร้างข้อมูลและคอนเทนต์อัตโนมัติ ชุมชนท้องถิ่นสามารถสร้างเนื้อหาและข้อมูลใหม่ได้ง่ายขึ้น เป็นการเพิ่มความสามารถในการยกระดับความรู้และข้อมูลที่สำคัญสำหรับชุมชนการแชร์ความรู้และประสบการณ์ผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ชุมชนท้องถิ่นสามารถแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ได้โดยทั่วไปกับผู้ใช้ง่ายขึ้น รวมถึงการแชร์วิธีการแก้ปัญหาและข้อมูลที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันในชุมชนโดยเฉพาะระบบการสนับสนุนการเรียนรู้ออนไลน์ AI มีความสามารถสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่มีคุณภาพ ชุมชนท้องถิ่นสามารถใช้เทคโนโลยีนี้เป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจและพัฒนาคุณภาพงานใหม่ ๆ ในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อหา หรือสื่อการพัฒนาแอปพลิเคชัน ตลอดจนให้บริการที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อสร้างรายได้และงานพัฒนาชุมชนให้มีความทันสมัยมากขึ้น
ที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ การสร้างคอนเทนต์อัตโนมัติ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ระบบสามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเรียบร้อยขึ้นอัตโนมัติ โดยใช้ข้อมูลและข้อความที่มีอยู่ เช่น การสร้างบทความข่าว, เนื้อหาบทความบล็อก, หรือแม้กระทั่งบทความวิชาการได้เป็นต้นการปรับแต่งคอนเทนต์สำหรับประสานกับผู้ใช้ ระบบ AI สามารถปรับแต่งคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคนโดยอัตโนมัติ โดยใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ เช่น การแนะนำสินค้า, บทความ, หรือเนื้อหามัลติมีเดียการแปลภาษาอัตโนมัติ ขณะที่ระบบแปลภาษาแบบ AI สามารถแปลภาษาอัตโนมัติอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้เนื้อหาสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่พูดภาษาต่างๆ
จุดเด่นสำหรับผู้บริหารท้องถิ่น พบว่า ในขณะนี้ AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาท้องถิ่น เช่น การจราจรที่แออัดการบริหารจัดการน้ำหรือการจัดการสิ่งแวดล้อม ชุมชนสามารถใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาท้องถิ่นและพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่ของพวกเขาAI สามารถเป็นแรงผลักดันให้ชุมชนท้องถิ่นมีความสามารถในการสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาในระดับท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี AI นี้เป็นเครื่องมือที่สามารถสร้างคุณค่าและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วและคาดว่าแนวโน้มของ AI ที่จะถูกนำมาใช้เสริมสมรรถนะของท้องถิ่นในเชิงการบริหาร และการทำงานด้านต่าง ๆ ร่วมกับชุมชนและสังคมจะมีมากขึ้น ความตื่นตัวและการกำหนดทิศทางนโยบายและมีระบบการจัดทำแผนงานที่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของท้องถิ่นจะต้องมีมากขึ้นให้ทันความก้าวหน้าของ AI ที่ขณะนี้ก็คาดว่าก้าวหน้าไปกว่าท้องถิ่นไม่น้อยแล้วทีเดียว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง » คอลัมน์
คอลัมน์ล่าสุด ![]()
...คำถามประจำวันเด็ก...
ใต้ถุนสภา- ปรากฏการณ์ "ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน" 21:25 น.
- “หนี้นอกระบบ” 05:33 น.