การเมือง » คอลัมน์
แยกรัชวิภา
บ้านเมืองออนไลน์ : วันพุธ ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567, 14.40 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ครอบครัวไทยใจซื่อสัตย์ เริ่มต้นที่พัฒนาและปรับพฤติกรรมคน
ครอบครัวไทยใจซื่อสัตย์ เริ่มต้นที่พัฒนาและปรับพฤติกรรมคน
รองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล
ที่ปรึกษาชมรม STRONG มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ปัญหาสำคัญที่กำลังพุ่งชนสังคมไทยขณะนี้ คือความรุ่นแรงของการขาดคุณธรรมจริยธรรม เป็นเรื่องของทั้งระบบ ทั้งสังคมไทย เป็นภัยเงียบที่ไม่ควรเงียบสำหรับสังคมไทย การสร้างกรอบแนวคิดของ ป.ป.ช. ที่ต้องการดึงเอาครอบครัวมาเป็นกำแพงป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ผ่านแนวคิดครอบครัวรุ่นใหม่ไม่ทนคอร์รัปชันและสินบนหรือ New Generation Families with Intolerance to Corruption and Bribery พร้อมขับเคลื่อนการผสานลังต้านทุจริตและสินบนในสังคมหรือTogether against Corruption and Bribery in Societyที่ขณะนี้มีกิจกรรมหลายอย่างที่พยายามทำอยู่นั้น เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าสังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดคุณธรรมและจริยธรรมที่ก่อตัวให้เห็นถึงความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทุกภาคส่วนของสังคม ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ปัญหานี้ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาเฉพาะบุคคล แต่เป็นปัญหาทั้งระบบที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
การขาดคุณธรรมและจริยธรรมส่งผลให้เกิดการทุจริตและคอร์รัปชั่นที่แทรกซึมเข้ามาในทุกภาคส่วน ทำให้ความเชื่อมั่นในระบบและองค์กรต่าง ๆ ลดลง และความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบไปยังคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ หากเรายังคงเพิกเฉยหรือมองข้ามปัญหานี้ อนาคตของสังคมไทยจะยิ่งมืดมน การทุจริตและคอร์รัปชั่นจะกลายเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกและยากต่อการแก้ไข
การดำเนินการในระดับบุคคลหรือองค์กรที่ไม่ได้คำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรมจะทำให้ปัญหาเหล่านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น การตั้งใจและการร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรมจึงไม่สามารถละเลยได้ ทุกคนในสังคมต้องตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความยุติธรรมและความโปร่งใส ซึ่งจะช่วยป้องกันและลดปัญหาการทุจริตและคอร์รัปชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหานี้ ตั้งแต่ระดับบุคคลจนถึงระดับองค์กรและรัฐบาล การส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในทุกภาคส่วนของสังคมจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นธรรม เราต้องตระหนักว่า การแก้ไขปัญหานี้เป็นหน้าที่ของทุกคน และความพยายามร่วมกันจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น
การที่ ป.ป.ช. พยายามดึงครอบครัวมาเป็นแนวป้องกันการทุจริตผ่านแนวคิด “ครอบครัวรุ่นใหม่ไม่ทนคอร์รัปชั่นและสินบน” เป็นความพยายามที่น่ายกย่อง แต่ต้องตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของมาตรการดังกล่าว ครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับเยาวชน แต่หากระบบการศึกษาและสังคมโดยรวมยังคงยอมรับและสนับสนุนการทุจริต การปลูกฝังดังกล่าวอาจไม่เพียงพอ
อีกประเด็นหนึ่งคือ การขับเคลื่อนการผสานพลังต้านทุจริตและสินบนในสังคม แม้จะมีการจัดกิจกรรมหลายอย่าง แต่ต้องพิจารณาว่ากิจกรรมเหล่านั้นมีประสิทธิภาพเพียงใด การจัดกิจกรรมที่เน้นการประชาสัมพันธ์แต่ไม่มีการติดตามผลหรือการประเมินผลลัพธ์อย่างจริงจัง อาจทำให้ความพยายามในการต่อสู้กับการทุจริตกลายเป็นเพียงการแสดงภาพลักษณ์เท่านั้น
นอกจากนี้ การรณรงค์ในเรื่องนี้ควรเน้นการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกระดับ ไม่ใช่เพียงการสื่อสารผ่านสื่อหรือการจัดกิจกรรมที่เน้นเฉพาะกลุ่ม การเข้าถึงและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การต้านทุจริตมีความยั่งยืนและมีผลลัพธ์ที่แท้จริง
การสร้างสังคมที่ปราศจากการทุจริตและสินบนต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ความพยายามของ ป.ป.ช. เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ แต่หากไม่มีการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ความพยายามดังกล่าวอาจไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมตามที่เราต้องการ
จะเห็นได้ว่าวิธีการเหล่านี้จะช่วยสร้างครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีความเข้มแข็งและไม่ทนต่อการทุจริตและสินบน ทำให้สังคมมีความเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้นการนำไปสู่ความสำเร็จเรื่อง "ครอบครัวรุ่นใหม่ไม่ทนคอร์รัปชั่น และสินบน" ให้สำเร็จและเข้าเป้าตรงประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาและการปลูกฝังคุณธรรม การเป็นตัวอย่างที่ดีการส่งเสริมการสื่อสารในครอบครัวการส่งเสริมการสื่อสารในครอบครัวการเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนการใช้สื่อสังคมออนไลน์การสร้างระบบสนับสนุนการประเมินและติดตามผลมีขั้นตอนที่ต้องทำ อย่างน้อย 7 ประการ กล่าวคือ
ประการแรก การศึกษาและการปลูกฝังคุณธรรม ครอบครัวต้องอบรมสั่งสอนให้สมาชิกในครอบครัวเข้าใจถึงผลกระทบที่ร้ายแรงของการทุจริตและสินบนปลูกฝังคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และจริยธรรมตั้งแต่วัยเยาว์จัดกิจกรรมและเวิร์กช็อปที่เน้นการให้ความรู้และการสร้างค่านิยมที่ดีในครอบครัว
ประการที่สอง การเป็นตัวอย่างที่ดีผู้ปกครองและผู้ใหญ่ในครอบครัวต้องเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตนที่ซื่อสัตย์และโปร่งใสสร้างบรรยากาศในครอบครัวที่เปิดกว้างและปลอดภัยในการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาการทุจริต
ประการที่สาม การส่งเสริมการสื่อสารในครอบครัวส่งเสริมการสื่อสารที่ดีและการแสดงความคิดเห็นในครอบครัวเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการแก้ปัญหา
ประการที่สี่ การเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชนที่เน้นการต่อต้านการทุจริตและการส่งเสริมจริยธรรมร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นและกลุ่มชุมชนในการสร้างสังคมที่ปราศจากการทุจริต
ประการที่ห้า การใช้สื่อออนไลน์เข้ามาใช้ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและรณรงค์เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตแชร์เรื่องราวและกรณีศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการทุจริตและสินบน
ประการที่หก การสร้างระบบสนับสนุนจัดหาทรัพยากรและระบบสนับสนุนสำหรับครอบครัวในการต่อสู้กับการทุจริตจัดตั้งกลุ่มสนับสนุนหรือเครือข่ายสำหรับครอบครัวที่มีความตั้งใจในการต่อต้านการทุจริต
ประการสุดท้าย การประเมินและติดตามผลประเมินความสำเร็จของกิจกรรมและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริตในครอบครัวติดตามผลและปรับปรุงแผนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือ คุณธรรมในสังคมไทย ควรเป็นหน้าที่ของใคร ควรมีองค์กรหลักที่เข้ามาทำ หรือเป็นเรื่องให้ต่างคนต่างทำ
คำตอบที่ได้ และเป็นคำตอบที่เป็นนามธรรมมาก และน่าจะไม่สำเร็จมากนักด้วย กล่าวคือ การส่งเสริมและรักษาคุณธรรมในสังคมไทยควรเป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน สถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ และองค์กรเอกชน การสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมต้องการความร่วมมือและความพยายามจากทุกภาคส่วน ซึ่งคำตอบคลาสสิคคือ เป็นหน้าที่ของครอบครัว โรงเรียน สถาบันการศึกษา ชุมชน หน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน(องค์การมหาชน) หรือบุคคลทั่วไป
คำตอบที่จะต้องช่วยกันหาก็คือ แล้วหน่วยงานข้างต้น ไม่ได้ทำหน้าที่อยู่หรือในขณะนี้ คำตอบที่เป็นแนวโน้มใหม่ๆ สำหรับการสร้างระบบคุณธรรมทางสังคมให้เข้มแข็งที่น่าจะเป็นนั้น ก็น่าจะเป็นเรื่องจริงจังของสถาบันหลักอย่างสถาบันศาสนาหรือไม่ ซึ่งบางท่านตั้งคำถามมากไปกว่านี้คือ ศาสนาน่าจะต้องเป็นหลักของสังคมให้ได้ใช่หรือไม่ หรือศาสนาไม่มีหน้าที่เหล่านี้แล้ว การอบรมสั่งสอนความดี ความชั่ว ความสุจริต หรือการป้องปรามความชั่วร้ายในจิตวิญญาณเป็นเรื่องของสถาบันทางสังคมอื่นๆ ไปแล้วอย่างนั้นหรือ ทั้งสถาบันครอบครัว โรงเรียน สถาบันอาชีพต่าง ๆ ไม่ต้องใส่ใจเรื่องศาสนาแล้วใช่หรือไม่ หากสมมติฐานเป็นอย่างนี้การแก้ไขปัญหาคุณธรรมในสังคาไทยก็ย่อมเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีกหลายเท่า
ช่วงที่สังคมรุ่งโรจน์นั้น จะเห็นได้ว่าศาสนาคือมีบทบาทเข้ามาเป็นบรรทัดฐานทางสังคม เป็นแนวปฏิบัติถึงจารีตของชีวิตในสังคม ไม่ว่าศาสนาใด ย่อมมีความสำคัญต่อการจัดระเบียบทางสังคม ที่เป็นสัญญาประชาธรรมของคนในสังคม ศาสนามีความสำคัญกับชีวิตในทุกมิติ แต่สังคมที่จะไม่ยอมรับศาสนามาเป็นหลักยึดของชีวิตและของสังคมนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องบอกไว้เลยว่าปัญหาสังคม ปัญหาของคนเป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีทางแก้ไขได้เลย
ศาสนามีความเกี่ยวข้องกับครอบครัว เพราะวางแนวทางการทำหน้าที่ระหว่างพ่อ แม่กับลูก ๆ ขณะเดียวกันก็วางฐานรากทางการศึกษาแก่สถาบันการศึกษาด้วย และย่อมแน่นอน ชุมชน สังคม ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอื่นๆ ย่อมอยู่ในแนวทางของศาสนาด้วยเช่นกัน ประวัติศาสตร์ของมนุษย์บ่งชี้แล้วว่าศาสนามีความสำคัญต่อสังคม แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็เป็นวิทยากรที่เกิดจากศาสนา นักวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีกำเนิดจากศาสนา บางคนเป็นพระหรือเป็นนักบวชในศาสนาด้วยซ้ำ
การวิเคราะห์บทบาทของศาสนาในสังคมไทยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและอิทธิพลที่มีต่อการสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัว การพัฒนาการศึกษา การสร้างความเข้มแข็งในชุมชน การตัดสินใจในภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเข้าใจถึงบทบาทที่หลากหลายของศาสนาในด้านเหล่านี้ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สัมพันธ์กับหลักการทางศาสนา
การปฏิรูปสังคมเชิงระบบ คือการนำศาสนามาเป็นฐานรากในการขับเคลื่อนเป็นเรื่องที่ต้องทำ ถ้าต้องการให้เกิดความสำเร็จ แต่ที่เป็นอยู่ขณะนี้ จะพบว่าการสร้างสังคมสุจริตหรือสังคมคุณธรรม เป็นการนำศาสนามาใช้อย่างผิวเผินและไม่จริงจัง ไม่ต่อเนื่อง หรือแม้หากจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งและเข้มข้นต่อเนื่อง แต่ความสำเร็จกลายเป็นเรื่องการมีงบประมาณไม่เพียงพอต่อการเข็นโครงการศาสนา โครงการคุณธรรมทางสังคมไปข้างหน้าได้เลย
ปัญหาหลักที่ทำให้การนำศาสนามาใช้ในการสร้างสังคมสุจริตไม่ได้ผลคือการใช้งานอย่างผิวเผิน ไม่จริงจัง และไม่ต่อเนื่อง หลายโครงการที่จัดขึ้นเป็นเพียงการจัดกิจกรรมเป็นครั้งคราว ไม่มีการติดตามผลหรือประเมินความสำเร็จอย่างเป็นระบบ ทำให้การปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมผ่านศาสนาไม่เกิดผลอย่างยั่งยืน
ขณะที่การดำเนินงาน งบประมาณที่ได้ก็ไม่เพียงพอแม้จะมีความพยายามในการนำศาสนามาใช้เพื่อสร้างสังคมที่มีคุณธรรม แต่ความสำเร็จกลับถูกจำกัดด้วยงบประมาณที่ไม่เพียงพอ การขาดทรัพยากรในการดำเนินโครงการศาสนาและโครงการส่งเสริมคุณธรรมทางสังคมทำให้การดำเนินงานไม่สามารถไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ โครงการที่ต้องการการสนับสนุนระยะยาวกลับไม่สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีความจำกัด
ความสำคัญของการสนับสนุนทางการเงินและการจัดการอย่างเป็นระบบยังมีน้อยมาก การสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมต้องการการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอและการจัดการอย่างเป็นระบบ การมีงบประมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การจัดการอย่างเป็นระบบและการติดตามผลอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้สามารถปรับปรุงและพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมและตอบสนองต่อความต้องการของสังคมได้
การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่ต้องมาจากทุกภาคส่วนจริง ๆ นั้น สำคัญ การปฏิรูปสังคมเชิงระบบด้วยการนำศาสนาเป็นฐานรากต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ สถาบันศาสนา องค์กรเอกชน และประชาชนทั่วไป การมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากทุกฝ่ายจะช่วยให้การดำเนินงานมีความเป็นระบบและสามารถสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนได้
ข้อที่ต้องตระหนักคือ การนำศาสนามาเป็นฐานรากในการสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นเรื่องที่ต้องทำหากต้องการให้เกิดความสำเร็จอย่างยั่งยืน แต่การใช้งานอย่างผิวเผินและไม่ต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาด้านงบประมาณที่ไม่เพียงพอ ทำให้การดำเนินงานไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ การสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอ การจัดการอย่างเป็นระบบ และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การปฏิรูปสังคมเชิงระบบด้วยการนำศาสนาเป็นฐานรากประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง
ข้อเสนอสำหรับขับเคลื่อนระบบคุณธรรมและศาสนา
การทำงานด้านศาสนาและการขับเคลื่อนระบบคุณธรรมที่พระหรือฆราวาส รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มักเป็นเรื่องที่เน้นด้านนามธรรม อุดมคติ และอุดมการณ์ของผู้รับผิดชอบ ความพยายามในด้านนี้ไม่ควรจะเป็นเพียงการทำเพื่อพระเจ้า หรือเพื่อมนุษยธรรมในฐานะที่มีทรัพยากรมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ควรเป็นการดำเนินการที่มุ่งหวังผลสำเร็จในทางสังคมและหน้าที่ด้วย การสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมต้องการการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนจากทุกภาคส่วน
ข้อเสนอที่เป็นแนวทางปฏิบัติไปสู่ความสำเร็จมีดังนี้
1.การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนระบบคุณธรรมและการทำงานด้านศาสนา พร้อมกับการตั้งเกณฑ์ในการวัดผลและประเมินความสำเร็จอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถติดตามและปรับปรุงการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
2.การสนับสนุนจากภาครัฐและการสนับสนุนทางการเมืองเพื่อให้การทำงานด้านศาสนาและการสร้างระบบคุณธรรมมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและการสนับสนุนทางการเมือง ทั้งในด้านงบประมาณ นโยบาย และทรัพยากรอื่น ๆ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานจะช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
3.การเพิ่มความร่วมมือจากทุกภาคส่วนการสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมต้องการความร่วมมือจากทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสถาบันศาสนา หน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน และประชาชน การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความร่วมมือและการสร้างเครือข่ายระหว่างกลุ่มต่าง ๆ จะช่วยให้การดำเนินงานมีความเป็นระบบและสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แท้จริงได้
4.การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพและการจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสมจะช่วยให้โครงการด้านศาสนาและคุณธรรมสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการที่ดีจะทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
5.การเสริมสร้างความรู้และการฝึกอบรมควรมีการจัดการศึกษาและฝึกอบรมที่เน้นการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม ทั้งสำหรับผู้นำศาสนาและประชาชนทั่วไป การเสริมสร้างความรู้และทักษะในการดำเนินงานด้านศาสนาและการขับเคลื่อนระบบคุณธรรมจะช่วยให้การทำงานมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
6.การติดตามผลและการปรับปรุงการติดตามผลและการประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมกับความต้องการของสังคม การจัดทำรายงานและการเผยแพร่ผลลัพธ์จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาและทำการปรับปรุงได้อย่างทันท่วงที
จากข้อมูลข้างต้น จึงขอเสนอให้มีสำนักงานคณะกรรมการคุณธรรมแห่งชาติ (National Integrity Commission) ขึ้น ในสังคมไทย เพื่อช่วยขับเคลื่อนการสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อเสนอมีดังนี้
1. กำหนดบทบาทและหน้าที่ที่ชัดเจนควรกำหนดบทบาทและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุณธรรมแห่งชาติให้ชัดเจน รวมถึงการสร้างแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เช่น การกำหนดนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม การจัดการอบรมและการรณรงค์ รวมถึงการติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบเหตุผลคือการมีบทบาทและหน้าที่ที่ชัดเจนจะช่วยให้การดำเนินงานของสำนักงานมีทิศทางที่ชัดเจน และสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. สนับสนุนจากงบประมาณและทรัพยากรควรจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่เพียงพอให้กับสำนักงานเพื่อให้สามารถดำเนินการตามนโยบายและมาตรการได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการจัดสรรทรัพยากรในการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมและการอบรมเหตุผลคือการมีงบประมาณและทรัพยากรที่เพียงพอจะช่วยให้สำนักงานสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
3. สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยสำนักงานฯควรเน้นการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และสถาบันศาสนา เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งในด้านคุณธรรมและจริยธรรมเหตุผลคือการมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างครบวงจรและมีผลกระทบที่กว้างขวาง
4. การติดตามและการประเมินผลสำนักงานฯควรมีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรายงานผลลัพธ์และการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อทำการปรับปรุงและพัฒนาเหตุผลคือการติดตามและประเมินผลจะช่วยให้สามารถตรวจสอบความสำเร็จของโครงการและการดำเนินงานได้ และสามารถทำการปรับปรุงให้ตรงกับความต้องการของสังคม
5. ส่งเสริมการศึกษาและการฝึกอบรมสำนักงานฯควรจัดให้มีการศึกษาและการฝึกอบรมที่เน้นการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม สำหรับทั้งผู้นำศาสนาและประชาชนทั่วไป เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการดำเนินงานด้านนี้เหตุผลคือการศึกษาและการฝึกอบรมจะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นในการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม
6. การสร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมสำนักงานฯควรมีการดำเนินงานที่โปร่งใสและเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการดำเนินงานเหตุผลคือความโปร่งใสจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือจากประชาชน ทำให้การดำเนินงานมีความน่าเชื่อถือและได้รับการสนับสนุนที่ดี
การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุณธรรมแห่งชาติ (National Integrity Commission) ในสังคมไทยมีความสำคัญในการส่งเสริมและสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การทำงานด้านศาสนาและการขับเคลื่อนระบบคุณธรรมในปัจจุบันมักมีปัญหาในเรื่องการดำเนินงานที่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและการขาดงบประมาณที่เพียงพอ การจัดตั้งหน่วยงานกลางเช่นสำนักงานคณะกรรมการคุณธรรมแห่งชาติ จะช่วยในการกำหนดนโยบายและมาตรการที่ชัดเจน การสร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณธรรม การติดตามและประเมินผล การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพการดำเนินการตามข้อเสนอเหล่านี้จะช่วยให้สำนักงานคณะกรรมการคุณธรรมแห่งชาติสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในสังคมไทย
ขณะเดียวกัน
การสร้างสังคมที่มีคุณธรรมและจริยธรรมไม่สามารถเป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งเพียงลำพัง แต่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน การสนับสนุนจากภาครัฐ การเพิ่มความร่วมมือ การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การเสริมสร้างความรู้ และการติดตามผล เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินงานมีความสำเร็จที่แท้จริงได้
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง » คอลัมน์
คอลัมน์ล่าสุด ![]()
...คำถามประจำวันเด็ก...
ใต้ถุนสภา- ปรากฏการณ์ "ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน" 21:25 น.
- “หนี้นอกระบบ” 05:33 น.