เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2868   ที่อาคารรัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุปะทะชายแดนไทย -กัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ได้รับรายงานเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะมีการพูดคุยกันระหว่าง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)

ส่วนขณะนี้ได้รับรายงานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อสักครู่ได้มีการพูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะมีการตกลงกัน รวมถึงได้พูดคุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าไม่มีอะไร และเราเข้าใจตรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด เพราะเราก็ไม่อยากให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้

เมื่อถามว่า จะใช้ความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับผู้นำกัมพูชา ในการเจรจาครั้งนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนกับนายฮุน มาเนต มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ประกาศทำสงครามการแก้ไขปัญหายาเสพติดกับกลุ่มว้าแดง นายกรัฐมนตรี ตอบสั้นๆเพียงว่า ก็ดี

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านความมั่นคงของพรรคเพื่อไทยที่อ่อน รวมไปถึงเหตุคนร้ายบุกยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.จะแนะ จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บสาหัส 1 นาย

"ภูมิธรรม" ส่ง "ผบ.ทบ."  เคลียร์เหตุปะทะ "ช่องบก" กับ ผบ.ทบ.กัมพูชาเสาร์นี้  

ที่กองทัพเรือ นายภูมิธรรม  กล่าวถึงการปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามให้เหตุการณ์ยุติ ทาง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. สั่งการให้ใช้ความอดทนอดกลั้น อย่าให้บานปลาย ให้คุยกันก่อนในทุกระดับ

โดย พล.อ.พนา จะไปพูดคุยกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผบ.ทบ.กัมพูชา ในวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. นี้ ในขณะที่ตนได้พูดคุยกับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา และทาง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ได้พูดคุยกับฝ่ายเสนาธิการของ รมว.กลาโหมกัมพูชา เป็นการใช้ทุกช่องทางพูดคุยกัน ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาใส่ใจและสนใจในเรื่องนี้

ผมได้คุยกับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา ทางเขายืนยันว่า ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงหรือการรบกัน เพราะไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ก็ได้คุยกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผบ.ทบ.กัมพูชา ข้อสรุปเบื้องต้นในขณะนี้ อย่าให้ทุกคนเข้าไปจนเกิดการปะทะกันหรือเกิดการยั่วยุ ทุกคนต้องหยุด และกลับไปอยู่ในจุดเดิม

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อฟังข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย ระดับนโยบายที่อยู่ข้างบน อาจไม่เข้าใจรายละเอียดในพื้นที่ จึงมีข้อสรุปตรงกัน ให้ ผบ.ทบ. 2 ฝ่าย ไปพูดคุยกัน ในส่วนของผม มอบอำนาจให้ ผบ.ทบ. ไปพูดคุย วันเสาร์นี้ (31 พ.ค.) ส่วนในเรื่องพื้นที่จะเป็นของใคร ยังไม่มีการพูดถึง เพื่อรอให้อารมณ์ของทุกฝ่ายนิ่งก่อน ถ้าเถียงว่าเป็นของใครก็จะหาข้อยุติยาก เพื่อให้หลีกเลี่ยงการปะทะกัน และไปคุยในรายละเอียด”

เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่กับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นบ่อย แสดงว่าในระดับนโยบายมีปัญหาหรือไม่ เพราะมีการละเมิด MOU 2543 ถึง 2 ครั้ง ในการเข้าไปขุดคูเลตในพื้นที่ช่องบก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในระดับนโยบายเราคุยกันจริงใจและจริงจัง ไม่มีปัญหา แต่จากนั้นเป็นการคุยกันรายละเอียด นับจากประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เป็นต้นมา ก็ดีมาตลอด ในระดับผู้บังคับหน่วย และ ผบ.ทบ. ก็คุยกันดีมาตลอด มีการโทรศัพท์ติดต่อประสานงานต่อเนื่อง เมื่อเช้านี้ตนได้คุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ทั้งหมดต้องหาข้อสรุปให้ได้ว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นของใคร หรือเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ ก็ต้องเคลียร์ว่า MOU 2543 ปฏิบัติกันอย่างไร

ส่วนที่มีการมองว่าฝ่ายกัมพูชาไม่จริงใจ ในการทำตามข้อตกลงนั้น นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจ ถ้าคิดว่าเขาไม่จริงใจ ก็จะทำให้ทะเลาะกัน ความเป็นจริงคือทุกฝ่ายเข้าใจกัน แต่อาจมีปัญหาที่มองต่างกัน

ส่วนที่มีการมองว่า ฝ่ายกัมพูชาขยิบตาให้ระดับพื้นที่ดำเนินการนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะถ้าคิดว่าขยิบตา เดี๋ยวก็จะยิงกัน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการยิงกันโดยอาวุธเล็ก เป็นการเกิดอุบัติเหตุกันตอนมืด

เมื่อถามย้ำว่า แต่ช่วงเวลาปะทะกินเวลา 10 นาที นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่อาจจะตอบได้ว่าเกิดอะไร ทุกอย่างอยู่ที่ความเป็นจริง อย่าไปจินตนาการ และจากที่คุยกับฝ่ายกัมพูชา ก็ยืนยันว่าในระดับพื้นที่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา พร้อมยังพูดถึงสมเด็จฮุน เซ็น ที่มีการพูดคุยในหลายๆส่วน เป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของระดับปฏิบัติ ก็ต้องเคลียร์ แต่ระดับนโยบายเข้าใจกันดี ซึ่งในพื้นที่อาจทำความเข้าใจกันไม่ดี ก็ต้องให้เวลา

เมื่อถามว่า ภายหลังการประชุม GBC ที่ให้ยึด MOU 2543 ทางทหารกัมพูชาก็ยังขยับเข้ามา นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปสรุปแบบนั้น ให้มีการประชุมในวันที่ 31 พ.ค. นี้ก่อน โดย ผบ.ทบ. รู้ข้อมูลในพื้นที่ และในวันนี้ได้เอาภาพถ่ายทางอากาศมาแสดงให้เห็นหลักฐาน ว่าอยู่กันอย่างไร อย่าเพิ่งใจร้อน เพราะสงครามไม่มีประโยชน์กับใคร

เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากนโยบายหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีหลายสาเหตุ อย่าเพิ่งไปคิดว่าเป็นเรื่องนโยบาย แต่ไม่หนักใจ เพราะต้องทำความเข้าใจ ทุกคนอาจไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด จึงเป็นเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก

เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เพื่อนบ้านไม่ยำเกรงไทย เพราะสถานการณ์ภายในของไทยอ่อนแอหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา เกิดขึ้นก็ต้องแก้ ขณะนี้มีปัญหาหลายอย่างก็จริง รวมถึงปัญหาวิกฤตการณ์ของโลก แต่อย่าไปกังวล เพราะคนเลือกเข้ามาแก้ปัญหา ขอให้ประชาชนสบายใจ เราหลีกเลี่ยงการปะทะ รัฐบาล 2 ประเทศคุยกันอยู่ในจุดยืนเดิม การตีเรื่องเขตแดนเป็นของใครเกิดขึ้นตลอด เรื่องเขตแดนทั่วโลกก็ไม่มีใครคุยจบ จึงต้องหาจุดที่ 2 ฝ่ายยอมรับได้ แต่แนวโน้มที่ดีของโลกคือ การหาแนวทางแก้ไขโดยสันติวิธี ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้ององค์กระระหว่างประเทศ ก็ให้ใช้ความอดทนอดกลั้น
 
“ผมส่ง ผบ.ทบ.ไปคุยกับ ผบ.ทบ.กัมพูชา เสาร์นี้ ไม่ได้หมายความว่าเรากลัวหรืออ่อนแอ แต่เราไม่อยากให้เกิด เพราะสงครามไม่ดีกับใครสักฝ่าย ผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน”

เมื่อถามว่า รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้ให้เหตุผลหรือไม่ ทำไมเข้ามาขุตคูเลต นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระดับนโยบายเข้าใจกันดี ต่างฝ่ายต่างอยู่ระดับบน ดังนั้นสิ่งที่ไม่เข้าใจในพื้นที่ต้องให้เขาคุยกันจะดีกว่า แต่เรายืนยันในหลักการว่าจะรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ให้เกิดความรุนแรง ทั้ง 2 ฝ่ายต้องแยกจากกัน ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเข้าไปคุยในพื้นที่ ซึ่งจะง่ายกว่า ตอนนี้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ยังนั่งอยู่ตามแนวพื้นที่และคุยกันไป การใช้คำว่าเผชิญหน้าอาจเกินเลยเกินไป เพราะฉะนั้นอย่ากังวลมากเกินไป ตราบใดที่ทหารยังคุยกันได้

เมื่อถามว่า ได้รับรายงานความสูญเสียจากเหตุการณ์ปะทะวันนี้หรือไม่ หลังมีรายงานฝ่ายกัมพูชาเจ็บ 4 นาย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปะทะกันก็คงมีบ้าง เป็นธรรมดา อย่าไปขยายความเลย เพราะจะไปเกิดอารมณ์กับผู้คน และเหตุที่เกิดเล็กมาก เมื่อเกิดเหตุก็ระงับและพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้เข้าพบ นายภูมิธรรม ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพูดคุยปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาพอสมควร