วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568 12:01 น.

การเมือง

'โฆษกฯ ดีอี' ยก 5 คดีหลอกวงออนไลน์ เตือนภัยประชาชน เผย 'มิจฉาชีพ' อ้างเป็นทนาย-ตำรวจ หลอก

วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 18.43 น.

'โฆษกฯ ดีอี' ยก 5 คดีหลอกวงออนไลน์ เตือนภัยประชาชน เผย 'มิจฉาชีพ' อ้างเป็นทนาย-ตำรวจ หลอก ช่วยเหลือคืนเงินผู้เสียหายคดีออนไลน์ สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท ย้ำยึดหลัก '4 ไม่' ไม่กดลิงค์-ไม่เชื่อ-ไม่รีบ-ไม่โอน ปลอดภัย 'ไม่ตกเป็นเหยื่อ' 

เมื่อวันที่ 16  มิถุนายน 2568    นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 9 – 15 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย 1.คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1,446,794 บาท โดยผู้เสียหายต้องการโพสต์ขายสินค้าในกลุ่ม Facebook จึงทักไปสอบถามรายละเอียดกับผู้ดูแลกลุ่ม และได้รับแจ้งกลับมาว่าจะต้องโอนเงินเป็นค่าเปิดบัญชีร้านค้าก่อนจึงจะเปิดให้โพสต์ขายสินค้าได้ หลังจากโอนเงินไปเปิดบัญชีร้านค้าแล้ว ได้รับแจ้งต่อมาว่าให้โอนเงินเป็นค่าเปิดการมองเห็น หากต้องการให้ผู้คนเห็นโพสต์มากขึ้น ให้โอนเงินเพื่อเพิ่มการโฆษณา ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่โพสต์ก็ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จึงทักไปขอรายละเอียดการโฆษณาตามที่กล่าวอ้าง จากนั้นไม่สามารถเข้ากลุ่ม Facebook ได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
 
2. คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 2,160,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนเทรดหุ้นสหรัฐฯ โดยจะมีผู้สอนเทรดให้ ตนสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line เพื่อสอบถามรายละเอียด จากนั้นทำตามขั้นตอนที่ได้รับคำแนะนำ โดยโอนเงินเพื่อเทรดหุ้นและได้เงินเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องโอนเงินจ่ายค่าสอนเทรดและค่าภาษีก่อน แต่เมื่อโอนไปแล้วก็ยังรับเงินไม่ได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
 
3. คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 5,500,000 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาเชิญชวนเทรดหุ้นผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line ที่แสดงหน้าเพจเพื่อสอบถามรายละเอียด และทำตามขั้นตอนที่ได้รับคำแนะนำ โดยโอนเงินไปเพื่อเทรดหุ้น ครั้งแรกได้รับเงินจริง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปอีกครั้งเป็นจำนวนมากแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ เมื่อต้องการติดต่อสอบถามพบว่าไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
 
4. คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์ มูลค่าความเสียหาย 594,570 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นพนักงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แจ้งว่าจะเปลี่ยนมิเตอร์ให้ใหม่และให้เพิ่มเพื่อนทาง Line มิจฉาชีพส่งลิงก์ให้ เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชันพร้อมทั้งให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันสิทธิ์ ผู้เสียหายทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่จนเสร็จขั้นตอน ต่อมาภายหลังได้รับข้อความยอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมดบัญชี ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก

และ 5. คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 469,121 บาท โดยผู้เสียหายพบเห็นโพสต์ช่วยเหลือ การนำเงินจากมิจฉาชีพคืนแก่ผู้เสียหายผ่านช่องทาง Facebook อ้างตนเป็นทนายทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพและดึงเงินกลับมาคืนแก่ผู้เสียหายได้ จึงทักไปสอบถามรายละเอียดผ่านทาง Messenger Facebook โดยได้รับแจ้งให้โอนเงินเป็นค่าดำเนินการ และให้โอนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อ้างว่าความเสียหายมูลค่าสูงจะต้องใช้เงินในการตรวจสอบเป็นจำนวนมาก หลังจากโอนเงินไปหลายครั้ง เมื่อเปิดหน้าเพจพบว่ามีคนแสดงความคิดเห็นให้ระวังเพจนี้เนื่องจากเป็นมิจฉาชีพ จึงทราบว่าเป็นเพจปลอม ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
 
"สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 10,170,485 บาท" โฆษกกระทรวงดีอี กล่าว 
 
นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 13 มิถุนายน 2568 มีสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้  1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,812,978 สาย เฉลี่ย 3,068 สายต่อวัน , 2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 712,732 บัญชี เฉลี่ย 1,298 บัญชีต่อวัน  , 3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 225,979 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.71 , (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 165,072 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.16 , (3) หลอกลวงลงทุน 99,497 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.96 , (4) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 97,669 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.70 , (5) หลอกลวงให้กู้เงิน 51,052 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.16 (และคดีอื่นๆ 73,463 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.31) 
 
“จากกรณีตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้โฆษณาชักชวนลงทุนผ่าน Facebook แล้วให้เพิ่มเพื่อนผ่านทาง Line นอกจากนี้ยังมีเคสหลอกลวงคืนเงินให้กับผู้เสียหายในคดีอาชญากรรมออนไลน์ ทั้งการอ้างเป็นทนายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพบว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ขอย้ำว่า การลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด ด้านการคืนเงินให้ผู้เสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการด้านกฎหมาย ยังไม่มีการคืนเงินอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด โดยหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ จะไม่มีการโทรติดต่อโดยตรง หรือติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด” โฆษกกระทรวงดีอี กล่าวย้ำ

นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวงดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 

 
 

หน้าแรก » การเมือง