เมื่อ 25 กรกฎาคม 2568  นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  จากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชา เริ่มเปิดฉากปะทะตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ภาพข่าวที่ออกมาทั่วโลก เห็นชัดว่า กระสุนนัดแรกที่กองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่ทหารไทยก่อน ส่งผลให้ทหารไทยจำเป็นต้องยิงตอบโต้กลับไป เพราะไทยจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยของไทยไม่ยอมให้มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างแน่นอน 

 นายสงคราม กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยและกองทัพไทย ใช้ความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด เพราะไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย ต้องการเจรจาอย่างสันติวิธีบนโต๊ะเจรจา  แม้อีกฝ่ายใช้เกมการยั่วยุและเล่นนอกกติกามาโดยตลอด เพียงเพื่อให้ไทยตกหลุมพรางที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ พยายามเล่นงานไทยในเวทีโลก แต่เมื่อมีการยิงจากฝ่ายกัมพูชาเข้ามาก่อนความอดทนจึงไทยจึงหมดลงจำเป็นต้องตอบโต้กลับไป เพื่อให้ทางฝ่ายกัมพูชารู้ว่ากองทัพไทยไม่ยอมให้ใครมามีอิทธิพลเหนืออธิปไตยของไทย

 “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายกัมพูชามีการ เตรียมการไว้อย่างแน่นอน ทันทีที่มีเสียงปืนแตก ก็ตามมาด้วย ภาพของสมเด็จฮุนเซน ประธานสภาของกัมพูชา นั่งบัญชาการรบในครั้งนี้ และ  นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้ทำหนังสือฟ้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) กล่าวหา "การรุกรานทางทหารที่วางแผนไว้ล่วงหน้า" โดยกองกำลังไทยตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย  ทั้งๆ ที่กองทัพของกัมพูชากระทำการที่เลวร้ายมาก ยิงปืนใหญ่พุ่งเป้าไปยัง โรงพยาบาล โรงเรียน และแหล่งชมชน ส่งผลให้มีพลเมืองไทยที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ ต้องสังเวยชีวิตต่อความบ้าคลั่งของกัมพูชา  ทั้งนี้ในฐานะของคนไทยคนหนึ่งขอประณามกองทัพกัมพูชา ที่กระทำต่อพลเรือนอย่างไร้มนุษยธรรม แม้ต้องการฟ้องโลกแต่การกระทำของกองทัพกัมพูชาที่โจมตีพลเรือนนั้นสงผลให้โลกรับไม่ได้ กัมพูชาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำต่อคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นายสงคราม กล่าว