เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยระบุว่า ทางกัมพูชาได้ตอบรับคำร้องของฝ่ายไทยในการเข้ามาเก็บศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต บริเวณฐานปฏิบัติการภูมะเขือ หลังฝ่ายไทยพบร่างของทหารดังกล่าวยังคงอยู่ในพื้นที่

แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า ฝ่ายไทยจะไม่จัดการเคลื่อนย้ายศพให้ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมของทั้งสองประเทศ แต่หากทางกัมพูชายังล่าช้า ไทยก็มีมาตรการรองรับเพื่อควบคุมกลิ่นและสุขาภิบาลในพื้นที่

กรณีทุ่นระเบิดรอบปราสาทตาควาย

พลโทบุญสินยังกล่าวถึงทุ่นระเบิดจำนวนมากที่ยังคงตกค้างในบริเวณรอบปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยระบุว่า ฝ่ายไทยเตรียมประสานกับทางกัมพูชาเพื่อดำเนินการเก็บกู้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง และจำเป็นต้องทำให้ปลอดภัยต่อทั้งทหารและประชาชน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดบริเวณช่องอานม้า

หลังเกิดเหตุทหารกัมพูชาเข้ามาตัดรื้อรั้วลวดหนามในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี พลโทบุญสินเผยว่า กลุ่มคนที่เข้ามามีเป้าหมายเพื่อสร้างคอนเทนต์เท่านั้น ไม่ได้พกอาวุธ โดยฝ่ายไทยได้ผลักดันให้ออกจากพื้นที่แล้ว พร้อมวางรั้วลวดหนามใหม่เพื่อเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดน

สถานการณ์สุขภาพทหารสองฝ่าย

ในส่วนของข่าวทหารกัมพูชาป่วยเป็นโรคมาลาเรีย แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ได้รับข้อมูลจากสื่อกัมพูชา และถือเป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่ายในการดูแลกำลังพลของตนเอง โดยฝั่งไทยมีทั้งแพทย์สนามและโรงพยาบาลอำเภอคอยสนับสนุน ทั้งนี้ ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่พบกำลังพลไทยเจ็บป่วยจากสถานการณ์ชายแดน

รับมอบรับมอบอุปกรณ์ตรวจจับอากาศยานไร้คนขับแบบพกพา -สิ่งของจำเป็น จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
 เวลา 09.00 น. ณ ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท บุญสิน  เป็นผู้แทนกองทัพบก รับมอบอุปกรณ์ตรวจจับอากาศยานไร้คนขับแบบพกพา จำนวน 30 ชุด และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพของทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อาทิ เสื้อยืดรองใน 10,000 ตัว, กางเกงใน 15,000 ตัว, ถุงเท้าดำ 20,000 เป็นต้น มูลค่ารวม 9,434,000 บาทโดยมี อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วย ทนายนิติธร ล้ำเหลือ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายสมชาย แสวงการ เป็นผู้แทนในการส่งมอบ

นอกจากนี้ ยังมีภาคเอกชนที่ มีความประสงค์จะมอบสิ่งของบริจาค ผ่านมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อมอบให้กองทัพภาคที่ 2 ดังนี้

-วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต บริจาคชุดยาจำเป็นให้ทหาร อาทิ สเปรย์กันยุง, ขี้ผึ้งแก้น้ำกัดเท้า 156 กระปุก, น้ำมันไพล, ทิงเจอร์พญายอ, ทิงเจอร์ทองพันชั่ง และยาหม่องไพล เป็นต้น

-บริษัท สายไฟฟ้าวีนายเคเบิ้ล จำกัด

บริจาคสายไฟฟ้า ขนาด 1.2 ตร.มม. 50 ม้วน และขนาด 2.5 ตร.มม. 50 ม้วน

-บ.เอช.ดี.แอพพาเรล จำกัด บริจาคสิ่งของใช้จำเป็นในการดำรงชีพ อาทิกางเกงชั้นใน, ถุงเท้า, ตาข่าย, ยากันยุง, เสื้อคอกลม, ยากันเชื้อรา, พลาสเตอร์เทนโซพาส, นีโอติก้าบาล์มทาแก้ปวด และพลาสเตอร์ปิดแก้ปวด เป็นต้น

ในโอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณว่า “ในนามของกองทัพบก และ กองทัพภาคที่ 2 ขอขอบคุณมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย รวมถึงพี่น้องประชาชนคนไทยที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบอุปกรณ์ให้ในวันนี้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อนำไปช่วยเสริมศักยภาพในการลาดตะเวน ป้องกันตัวเองของทหาร และปกป้องชายแดน เพื่อชาติเพื่อแผ่นดินของเราสืบไป