วันเสาร์ ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568 10:02 น.

กทม-สาธารณสุข

ด่วน !! ชายไทยป่วยตายรายแรกแล้ว เซ่นไวรัสมรณะ “โควิด-19”

วันอาทิตย์ ที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2563, 11.42 น.

ไทยตายรายแรก !! สธ.แถลงผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต 1 ราย พบป่วยไข้เลือดออกร่วม สภาพปอดเสียหายหนัก ทำให้อวัยวะหลายระบบล้มเหลว ถือเป็นรายแรกประเทศไทย รอประชุมสรุปอีกครั้งเสียชีวิตจากโควิด-19 หรือไม่

วันที่ 1 มี.ค. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง 2 รายนั้น รายที่เป็นชายไทยอายุ 35 ปี ที่มีการใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด (เอคโม) ผู้ป่วยรายนี้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ต่อมามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ร่วมด้วย จึงส่งต่อมาจาก รพ.เอกชน มารักษาที่สถาบันบำราศนราดูร โดยให้การรักษาจนไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2563 หลังจากรักษาเป็นเวลา 1 เดือน ด้วยสภาพปอดที่เสื่อมแต่เดิม หัวใจและอวัยวะภายในทำงานหนัก ทำให้อวัยวะภายในลายระบบล้มเหลว จึงเสียชีวิตในที่สุด เนื่องจากตรวจไม่พบเชื้อแล้ว

อย่างไรก็ตามสาเหตุการเสียชีวิตจะเกี่ยวกับโรคโควิด-19 หรือไม่ จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติต่อไป ส่วนอีกรายอายุ 70 กว่าปี มีวัณโรคร่วม ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว 1 สัปดาห์เช่นกัน แต่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดทั้งนี้ ยังมีผู้รักษาหายเพิ่มอีก 2 ราย เป็นชายชาวจีนอายุ 33 ปี รายที่ 2 เป็นเด็กหญิงไทยอายุ 3 ขวบ ทั้งคู่อยู่สถาบันบำราศนราดูร ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 42 ราย รักษาหาย 30 ราย อยู่รักษาที่ รพ. 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊คของนายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha โพสต์ว่า “ผู้ป่วยชายไทยอายุ 35 ปีทำงานขายสินค้าและติดไวรัส covid-19 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 18.25 น. ผู้ป่วยไม่มีโรคประจำตัวใดๆทั้งสิ้น และได้รับการรักษาตามมาตรฐานที่โรงพยาบาลบำราศนราดูลโดยมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิกฤติหลายท่าน และได้รับ เครื่องช่วยให้ออกซิเจนในเลือด ECMO แต่เนื่องจากประเทศไทยได้รับยา favipiravir ในระยะหลังโดยผู้ป่วยมีอาการรุนแรงใส่เครื่องช่วยหายใจและถึงแม้ว่าจะทำให้เชื้อไวรัสหายไปหมดก็ตามแต่มีเนื้อปอดเสียหายมาก และในที่สุดผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างสงบ

นี่เป็นตัวอย่างที่สำคัญว่าโรคนี้สามารถแพร่ได้ ในคนที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยเท่านั้นและแม้แต่ไม่มีโรคประจำตัวก็มีอาการวิกฤตได้ นอกจากนั้นการวินิจฉัยข้างต้นผลจากห้องปฏิบัติการออกมาเป็นไข้เลือดออก ทำให้พยาบาลที่เข้าไปดูแลในวันแรกติดเชื่อไวรัสนี้ไปด้วยและมีปอดบวมรุนแรงทั้งสองข้างแต่ได้รับยาทัน และกลับบ้านไปแล้วแต่อย่างไรก็ตามมีเนื้อปอดที่เสียหายอยู่ระดับหนึ่ง”

 

 

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข