กทม-สาธารณสุข
“นพ.ประสิทธิ์" หนุนฉีดวัคซีนสลับชนิดสร้างภูมิคุ้มกันสู้สายพันธุ์เดลตา
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

“นพ.ประสิทธิ์" หนุนฉีดวัคซีนสลับชนิด ”ซิโนแวค+ แอสตร้าเซนเนก้า” ช่วยภูมิคุ้มกันสูงไวขึ้นต้านสายพันธุ์เดลตา
วันที่ 21 ก.ค.64 ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวถึงการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 สลับชนิดว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ส่งผลให้พบอัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แต่อัตราผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นเร็วเหมือนกับผู้ป่วย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากวัคซีนที่ออกแบบมาในเวลานี้ มีส่วนช่วยลดความรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตได้
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตเป็นหลักร้อยต่อวัน เป็นผลจากจำนวนการเจ็บป่วยและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากคู่ขนานไปกับศักยภาพการดูแลสุขภาพ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือต้องทำให้จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลดลงโดยเร็วที่สุด นั่นคือการเร่งฉีดวัคซีนทั้งประเทศ ปัจจุบัน ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาเพิ่มมากขึ้น และยังพบสายพันธุ์เบตาอยู่บ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ แต่ไทยยังไม่พบสายพันธุ์แลมบ์ดา
สำหรับการปรับสูตรการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ต่างชนิดกันนั้น นพ.ประสิทธิ์ ชี้แจงว่า วัคซีนเข็มที่ 1 ซึ่งเป็นซิโนแวคซึ่งเป็นเชื้อตาย จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบบีเซลล์ได้ดี แต่กระตุ้นภูมิคุ้มกันทีเซลล์ไม่ดีนัก ดังนั้น หากปรับใช้วัคซีนเข็มที่ 2 คือ แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งกระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบทีเซลล์ได้ดี เมื่อมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ฉีดเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า โดยทั่วไปเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงขึ้น โดยมีงานวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รองรับว่าเมื่อฉีดครบ 2 เข็มนี้ ระบบภูมิคุ้มกันจะสูงขึ้นครอบคลุมสายพันธุ์เดลตา และช่วยลดความรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตได้ ส่วนอีกสูตร หากฉีดแอสตร้าเซนเนก้าทั้งสองเข็ม จะต้องเว้นระยะระหว่างเข็ม 1 และเข็ม 2 เป็นเวลา 10-12 สัปดาห์ และภูมิคุ้มกันจะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้ว 2 สัปดาห์
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล แนะนำว่า ประเทศไทยควรรีบเจรจากับบริษัทที่กำลังพัฒนาวัคซีน รุ่นที่ 2 อย่างเร็วสุดคงเป็นช่วงต้นปีหน้า ซึ่งในช่วงเวลาที่เหลือของปี 64 ต้องบริหารจัดการวัคซีนที่มีอยู่ จึงเป็นที่มาของการคิดสูตรการฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 และผ่านไปประมาณ 5 สัปดาห์ ทำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดมีภูมิคุ้มกันที่ดี และปลอดภัยมากขึ้นจากสายพันธุ์เดลตา
ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคทั้ง 2 เข็ม โดยเฉพาะบุคลากรด่านหน้านั้น ก็ควรจะฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ซึ่งหลักการเดียวกันที่ควรมากระตุ้นทีเซลล์ คือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หรือวัคซีน mRNA
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะฉีดวัคซีนสลับชนิดให้กับประชาชนทั่วไป ได้มีการฉีดในกลุ่มตัวอย่างไปก่อนหน้านี้ 1,000 กว่าราย และมีความปลอดภัยสูงมาก จนถึง ณ วันนี้ยังไม่พบภาวะแทรกซ้อนหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่อย่างใด
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข
Top 5 ข่าวกทม-สาธารณสุข ![]()
- พญาไท–เปาโล ผนึก “จุฬาฯ” เปิดตัวหลักสูตร 7 Wonders Hybrid Learning จุดประกายการเรียนรู้สุขภาพยุคใหม่ 20 ต.ค. 2568
- เจาะลึกเทคนิครักษา "ข้อเข่าเสื่อม" กับแพทย์เฉพาะทาง “เอส สไปน์ สไปน์ แอนด์ จอยท์” 20 ต.ค. 2568
- เด็กนอนกรนจากต่อมทอนซิล (Tonsil) และต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid) 20 ต.ค. 2568
- อย. ผนึกกำลัง สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล มอบรางวัลโรงเรียนต้นแบบ 20 ต.ค. 2568
ข่าวในหมวดกทม-สาธารณสุข ![]()
“พัฒนา” คิกออฟ Super Appหมอพร้อมยกระดับบริการสุขภาพ นำร่อง รพ. 4 เขตสุขภาพลดภาระประชาชนเปิดใช้ทั่วประเทศ ม.ค. 69 17:17 น.
- ไครโอวิวา ชู 3 มาตรฐาน AABB หนึ่งเดียวในไทย! ร่วมเสวนาใหญ่ย้ำจุดยืนยกระดับ “Stem Cell Bank” 14:41 น.
- รู้จักร่างกายให้ลึกกว่าเดิมกับ “All You Can Check” โปรแกรมสุขภาพที่อยู่เคียงข้างคุณตลอดปี 13:15 น.
- สสส.–ภาคีอีสาน ขับเคลื่อน "ชุมชนล้อมรักษ์" สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติด ชี้ชุมชนเข้มแข็งคือคำตอบ 09:16 น.
- รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ จัดกิจกรรม “CKP HAND HYGIENE DAY 2025” 15:57 น.