“สมศักดิ์” นำทีม สธ.ลงพื้นที่ปากเกร็ดนนทบุรี มอบมุ้งสู้ฝุ่นให้ผู้ป่วยติดเตียง พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ชื่นชมจัดทำเครื่องฟอก D.I.Y.ต้นทุนต่ำ  

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย และคณะทำงานนร่วมกันลงพื้นที่เพื่อดูแลป้องกันประชาชนจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยไปตรวจเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมมอบมุ้งสู้ฝุ่นและหน้ากากอนามัย และพูดคุยสอบถามสถานการณ์ฝุ่ย จากนั้นเดินทางต่อไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนผาสุกมณีจักรมิตรภาพที่ 116 ตรวจเยี่ยมห้องนักเรียนที่มีการติดตั้งเครื่องฟอก D.I.Y. พร้อมมอบหน้ากากป้องกันฝุ่นแก่ครูพี่เลี้ยง ขณะที่ทางโรงเรียนได้รายงานสรุปสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 พื้นที่ปากเกร็ดซึ่งติดอันดับค่าฝุ่น PM 2.5 สูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังได้รายงานมาตรการที่ได้ร่วมเทศบาลนครปากเกร็ด ในการดูแลเด็กนักเรียนและชาวปากเกร็ด อาทิ จัดทำห้องปลอดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ D.I.Y. ตู้แจกแมสก์ การตรวจสภาพรถยนต์ในโครงการ “แก่แต่เก๋า” เป็นต้น ซึ่งมีความภูมิใจที่นวัตกรรม สมดุล ฝุ่น คน เมือง ทำให้คนปากเกร็ด 35,500 คน มีอายุไขเฉลี่ยยืนยาวขึ้น 25 วัน 

นายสมศักดิ์ กล่าวชื่นชมในการดำเนินมาตรการต่างๆ ว่า เป็นการใช้นวัตกรรมที่ครบถ้วน มีตัวชี้วัดสามารถรักษาความยั่งยืนของชีวิตผู้คนได้จากตัวเลข 25 วัน คล้ายกับการนับคาร์บที่ตนกำลังดำเนินการเช่นกัน คือกินเป็นไม่ป่วย สวยหล่ออายุยืน ถ้าเริ่มทำตั้งแต่อายุ 35 ปี เชื่อว่าจะมีชีวิตยืนยาวถึง 120 ปี  

จากนั้นนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า โรงเรียนผาสุกมณีจักรมีทั้งหมด 28 ห้อง และได้จัดทำห้องปลอดฝุ่นผ่านเครื่องฟอกอากาศ D.I.Y.เครื่องละ 800 – 1,000 บาท ใช้ได้ในพื้นที่ 18 ตารางเมตร เพื่อดูแลเด็กเล็กที่ผลิตโดยเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นการทำขึ้นเอง ใช้เอง ใช้งบประมาณต่อห้องประมาณ 3,200 บาท นอกจากนี้ยังมีการตรวจวัดอากาศตลอด มีการแจกแมสก์ ตรวจสภาพรถยนต์ เมื่อไม่มีอากาศเสียก็ทำให้ฝุ่นลดลง เมื่อถามถึงกรณีที่กรมอนามัยจะมีการของบกลาง เพื่อจัดซื้อมุ้งกันฝุ่นเพิ่มเติมให้กลุ่มเปราะบาง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.อบจ.สามารถของบฯ สปสช.ได้ แต่อาจจะมีขั้นตอน และ2.กรมอนามัยอาจจะมีการขอเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดเหลือ ซึ่งกรมอนามัยดำเนินการเรื่องมุ้งและมอบไปทั่วประเทศแล้วกว่า 1,400 มุ้ง อีกทั้งมีห้องปลอดฝุ่นของราชการอีกประมาณ 3,000 กว่าห้อง ส่วนมาตรการเรื่องเวิร์คฟอร์มโฮม เป็นมาตรการที่มีการกำหนดไว้อยู่แล้วหากสถานการณ์ฝุ่นมีการเพิ่มระดับขึ้น ท้องถิ่นสามารถสั่งการดำเนินการได้