วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 05:25 น.

กทม-สาธารณสุข

ฉลองปีใหม่อย่างมีสติ! ภาคีสุขภาพห่วงอีเวนต์ไร้คุมแอลกอฮอล์ ดันสวดมนต์ข้ามปี 173 วัดทั่วประเทศ

วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 19.52 น.

เครือข่ายงดเหล้า และ สสส. คาดสถานการณ์สุขภาพปี 69 ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เชียร์นโยบายปัจจัยเสี่ยงสุขภาพต้องควบคุมดีกว่าปล่อยเสรี ชูฉลองปีใหม่อย่างมีสติ กังวลงานอีเวนส์ที่ขาดการควบคุมหวั่นตัวเลขคนตายเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 เครือข่ายงดเหล้า, สสส. ร่วมกับ มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม แถลงข่าวออนไลน์   ชูแนวคิด “ฉลองปีใหม่อย่างมีสติ” ผ่านกิจกรรมสวดมนต์มงคลต้อนรับปีใหม่ 173 วัดทั่วประเทศ และเคานต์ดาวน์เชิงวัฒนธรรมปลอดแอลกอฮอล์ ท่ามกลางความกังวลต่อการจัดงานอีเวนต์และคอนเสิร์ตจำนวนมากที่ขาดการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุน สสส. และ ประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 8 กล่าวว่า ปี 2568 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ เป็นปีที่สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และส่งผลกระทบต่อมิติสุขภาพ โดยเฉพาะด้านปัจจัยเสี่ยงจากแอลกอฮอล์ บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งแนวโน้มที่ดีและส่วนที่น่ากังวล โดยภาพรวมคนไทยสูบบุหรี่ลดลง เกิดจากนโยบายรัฐบาลที่เข้มแข็งและการรณรงค์ของภาคีต่างๆอย่างต่อเนือง ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าผิดกฎหมายห้ามนำเข้า ซื้อขายและครอบครอง ดังนั้น ในปี 2569 เชื่อมั่นว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะยังเดินหน้าควบคุมอย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง ในส่วนของสสส.และภาคีที่ทำงานด้านควบคุมการบริโภคยาสูบก็คงจะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อลดผลกระทบอันจะส่งผลดีโดยรวมต่อสุขภาพโดยรวมของประชาชน

ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ในปี 2568 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรัฐบาลและพรรคการเมืองต้องการผ่อนคลายมาตรการควบคุมในหลายมิติ ทั้งการผ่อนคลายสถานที่ขาย เช่น สนามบินนานาชาติ โรงแรม และสถานบริการ รวมทั้งล่าสุดได้ให้ขายแอลกอฮอล์ช่วงบ่าย 2 – 4 โมงเย็นได้แล้ว นอกจากนั้นการแต่งตั้งกรรมการควบคุมแอลกอฮอล์ใหม่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2569 และจะต้องออกฎหมายลูกอีกจำนวนมากให้เสร็จภายใน เดือนพฤศจิกายน 2569 อย่างไรก็ตามมีบางมาตราที่ไม่ต้องรอกฎหมายลูกสามารถบังคับใช้ได้เลยเช่น  การควบคุมการโฆษณาแฝงโดยใช้ตราเสมือนของผู้ผลิตรายใหญ่ ตามมาตรา 32/3 ที่ยังพบว่ามีการเลี่ยงใช้โซดาและน้ำแร่อยู่เช่นเดิม ผลจากการแก้ไขกฎหมายอาจจะมีผลให้ด้านพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยรถส่วนตัวเป็นจำนวนมากจึงขอฝาก 2 เรื่องคือ ดื่มไม่ขับกับลดเร็วลดเสี่ยง ส่วนการจัดกิจกรรมต่างๆนั้น การสวดมนต์ข้ามปีเริ่มต้นชีวิตที่ดีถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเฉลิมฉลองปีใหม่แบบมีสติและเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตตัวเองและครอบครัว ประกอบกับจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 จึงอยากเห็นพรรคการเมืองนำเสนอนโยบายด้านสุขภาพให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งข้อมูลองค์การอนามัยโลกได้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าประเทศกำลังพัฒนานั้นการใช้แนวทางการควบคุมจะได้ผลกว่าการปล่อยเสรี ปี 2569 จึงมีความท้าทายจากปัจจัยเสี่ยงสุขภาพและสังคมหลายอย่างทั้ง บุหรี่ไฟฟ้า การพนันออนไลน์ กัญชาและสิ่งเสพติด ความเครียดจากเศรษฐกิจและสังคมส่งผลต่อสุขภาพจิต ภาระโรค NCDs  การเก็บภาษีความหวานความเค็ม ก็หวังว่าเราจะเห็นพรรคการเมืองนำเสนอนโยบายเหล่านี้ให้มากขึ้น

ด้านนายธีระ วัชรปราณี ผอ.เครือข่ายงดเหล้า กล่าวว่า ปีใหม่นี้ กังวลกิจกรรม count down กว่า 100 งานที่เป็นงานดนตรีคอนเสริต์ในสถานที่เอกชนตามห้างสรรพสินค้า ผับบาร์ และลานเอนกประสงค์ต่างๆ ที่จะมีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันจำนวนมาก ย้ำระวังกฎหมายใหม่เข้มเรื่องไม่ขายให้คนเมาและเด็กเยาวชน หากมีเหตุเกิดกับบุคคลอื่น ผู้ขายอาจต้องร่วมรับผิดทางแพ่ง รวมทั้ง การขายแบบลดราคา ที่กฎหมายห้ามอย่างชัดเจน แต่มีการละเมิดแบบโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะสินค้าของกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ ซึ่งมีทั้งจัดงานคอนเสิร์ตของตนเอง หรือไปร่วมกับสถานที่ห้างดังซึ่งเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย ที่สำคัญการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงดึกในคืนส่งท้ายปีเก่า เฉลี่ยกว่า 50-60 รายที่เสียชีวิต และบาดเจ็บกว่า 500 ราย ถ้าเทียบกับวันที่ 30 จะพบว่าคืนส่งท้ายสถิติเพิ่มขึ้น 30-50% ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่กอบโกยเอาผลประโยชน์กำไรตนเอง โดยการควบคุมไม่ปล่อยให้คนเมาลงถนนไปทำร้ายคนอื่น

ทางด้านพระครูโพธิวีรคุณ เจ้าคณะอำเภอปทุมรัตต์ ผู้แทนเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาสังฆะเพื่อสังคม กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นชีวิตที่ดี” ภายใต้เป้าหมายร่วมกันคือ “พระแข็งแรง วัดมั่นคง ชุมชนเป็นสุข” โดยในงานจะประยุกต์กิจกรรมทางวัฒนธรรม กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และกลุ่มคนเลิกเหล้าบุหรี่ ที่จะมาร่วมกันโดยมีวัดเป็น “พื้นที่ปลอดภัยของชุมชน” และเป็นทางเลือกในการเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างมีสติ โดยวัดในเครือข่าย 173 วัดทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับคณะสงฆ์โดยสมเด็จพระสังฆราชได้ประทานไฟพระฤกษ์ และน้ำพระพุทธมนต์ให้กับทุกวัดที่ร่วมจัดกิจกรรม และยังเป็นการถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระพันปีหลวง สามารถตรวจสอบวัดในเครือข่ายฯ ที่เข้าร่วมทางเพจเฟสบุ๊ค “มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม” ได้

นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง เครือข่ายชุมชนเมือง รักษ์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จัดงานส่งท้ายปีเก่า–ต้อนรับปีใหม่ปลอดแอลกอฮอล์ ผ่านมหกรรมวัฒนธรรมล้านนา “จุมก๋องล้านนา” การตีกลองล้านนา 9 ชนิด การแสดงช่างฟ้อนล้านนา และพิธีตามผางประทีปบูชา ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เย็นจนถึงเที่ยงคืนส่งท้ายปี  โดยเครือข่ายฯ ได้นำทุนวัฒนธรรมล้านนา ผ่านการแสดงร่วมกันของเด็กและเยาวชน และกลุ่มผู้ใหญ่ แนวคิดสำคัญคือการประยุกต์วัฒนธรรมให้ร่วมสมัย เข้าถึงง่าย สนุก และปลอดภัย เชื่อมโยงการพัฒนาเมืองเชียงใหม่สู่เมืองมรดกโลก พร้อมสร้างต้นแบบการจัดเทศกาลที่เคารพวิถีชุมชน ลดอบายมุข และเสริมความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ เชียงใหม่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว แต่ยังต้องเพิ่มพื้นที่วัฒนธรรมที่ชุมชนเยาวชนเป็นแกนหลักให้มากกว่านี้.
 

หน้าแรก » กทม-สาธารณสุข