วันเสาร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 12:14 น.

อาชญากรรม

ผจก.สหกรณ์ครูรับจนท.มีเอี่ยว ปลอมเอกสารเบิกเงินกู้ครูสาว

วันพฤหัสบดี ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562, 11.20 น.

 

ผจก.สหกรณ์ครูรับจนท.มีเอี่ยว
ปลอมเอกสารเบิกเงินกู้ครูสาว

 

ครูสาวกาฬสินธุ์บุกทวงถามความรับผิดชอบจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด หลังปล่อยให้บุคคลภายนอกเบิกเงินจนเกลี้ยงบัญชี เชื่อมีขบวนการแอบแฝงหาผลกระโยชน์เรียกรับเงิน 13 เปอร์เซ็นต์จากการกู้เงิน พร้อมเรียกร้องให้ครูที่ถูกเอาเปรียบหักค่าหัวคิวออกมาเปิดโปงขบวนการดังกล่าว ขณะที่ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด ยอมรับเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวร่วมกับนายหน้าปลอมลายเซ็นและเอกสารเบิกเงินกู้ 1.6 ล้านบาทของครูสาว พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

 

 

จากกรณีนางเยาวลักษณ์ ภูชุม อายุ 34 ปี ครูวิทยฐานะชำนาญการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางไสว บรรลือเสียง อายุ 60 ปี มารดา เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด และได้รับการอนุมัติเงินกู้จำนวน 2,000,000 บาท ซึ่งถูกนายหน้าที่เป็นข้าราชการครูหักหัวคิวค่าดำเนินการ 13 เปอร์เซ็นต์ และหักเป็นค่าหุ้น 419,700 บาท เหลือ 1,580,300 บาท แต่กลับถูกปลอมแปลงเอกสารเบิกเงินกู้ไปจนหมดบัญชี และเมื่อทวงถามสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัดแล้ว แต่ไม่ได้รับคำตอบและคำชี้แจงใดๆ

 

ล่าสุดนางเยาวลักษณ์ ภูชุม อายุ 34 ปี ครูวิทยฐานะชำนาญการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางไสว บรรลือเสียง อายุ 60 ปี มารดา ได้เดินทางเข้าสอบถามความคืบหน้าการตรวจสอบและเรียกร้องให้ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด ออกมาแสดงความรับผิดชอบ หลังจากปล่อยให้บุคคลอื่นปลอมลายเซ็นเอกสารเบิกเงินกู้ของตนเองจนเกลี้ยงบัญชี โดยไม่มีการตรวจสอบ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีขบวนการแอบแฝงหาผลประโยชน์จากครูผู้ที่เดือนร้อนต้องการกู้เงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ และมีเจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าว โดยมีนายสมมัคร สุวรรณชาติ ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัดเป็นผู้รับเรื่อง

 

 

นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า ด้วยความเดือดร้อนและความจำเป็นที่ต้องการใช้เงินจึงได้หลงเชื่อข้าราชการครูหญิงคนดังกล่าว ซึ่งตนยอมรับว่าตัดสินใจผิดและเสียใจมากที่มอบเอกสารให้ไปดำเนินการกู้เงิน แม้จะถูกหักคัวคิวมากถึง 13 เปอร์เซ็นต์จากยอดเงินกู้ทั้งหมดแต่ก็ยอม เพราะเดือดร้อนจริงๆ ซึ่งไม่คิดว่าคนที่มีอาชีพข้าราชการครูด้วยกันจะหลอกลวงกันได้ ทั้งนี้การมอบเอกสารให้กับข้าราชการครูสาวคนดังกล่าวนั้นตนได้มอบเพียงเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินการกู้เงินเท่านั้น ไม่ได้มอบเอกสารใดๆให้ไปดำเนินการเบิกเงิน เป็นการปลอมแปลงทั้งหมด ทั้งใบมอบฉันทะ และลายมือชื่อ ซึ่งเชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวข้าราชการครูไม่สามารถดำเนินการคนเดียวได้ จะต้องมีเจ้าหน้าที่ภายในของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์รู้เห็นเกี่ยวข้องและร่วมกันทำเป็นขบวนการ ตั้งแต่การปฏิเสธไม่ให้ตนกู้เงิน แล้วแนะนำให้ไปขอกู้เงินผ่านนายหน้า และเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์ค่าดำเนินการ รวมทั้งการปลอมแปลงเอกสารเบิกเงิน

 

 

นางเยาวลักษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีดังกล่าวพบความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะการเซนสัญญาเงินกู้ ตามขั้นตอนผู้กู้ และผู้ค้ำประกันจะต้องเซนชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ และพยาน การดำเนินการเบิกเงินที่ไม่ใช่เจ้าตัว แต่เจ้าหน้าที่กลับยอมให้เบิกเงินออกไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่มีการตรวจสอบ รวมทั้งการสับเปลี่ยนบัญชีธนาคารที่โอนเงินเข้า จากที่ตนได้แจ้งความประสงค์ให้โอนเงินกู้เข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย แต่กลับมีการโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ของสหกรณ์ โดยไม่มีการเซนชื่อในสำเนา ซึ่งพฤติการณ์เหล่านี้ข้าราชการคนดังกล่าวทำคนเดียวไม่ได้จะต้องมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นและร่วมทำด้วย จึงต้องการให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรองปลัดของเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งเบิกเงินของตนที่อยู่ในสหกรณ์ได้อย่างไร และมาเกี่ยวข้องได้ยังไง รวมทั้งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบด้วย เพราะเดือดร้อนต้องการใช้เงิน ต้องนำไปใช้จ่ายในครอบครัว ซ่อมบ้านให้แม่ และเก็บไว้เลี้ยงลูกที่ยังเล็กอายุ 3 ขวบ และลูกที่อยู่ในท้อง เพราะตนกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 ได้ 3 เดือนแล้ว แต่กลับเป็นหนี้ แต่ไม่ได้เงิน แถมยังต้องจ่ายหนี้อีกด้วย อย่างไรก็ตามตนเชื่ออีกว่ายังมีข้าราชการครูอีกหลายคนที่เข้ามากู้เงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ แล้วถูกเอารัดเอาเปรียบจากขบวนการแอบแฝงหาผลประโยชน์ โดยการหักค่าหัวคิว 13 เปอร์เซ็นต์จากยอดเงินกู้ ดังนั้นอย่างเรียกร้องให้ครูที่ถูกเอาเปรียบออกมาเปิดโปงขบวนการดังกล่าว เพื่อความเป็นธรรมและทำให้สหกรณ์ขาวสะอาด

 

 

ด้านนายสมมัคร สุวรรณชาติ ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวทางคณะผู้บริหารทราบเรื่องแล้ว พร้อมทั้งได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการเบิกเงินของครูเยาวลักษณ์จากบัญชีออมทรัพย์สหกรณ์จริงจำนวน 1,580,300 บาทในวันที่ 27 กันยายน 2561 ซึ่งเป็นวันที่อนุมัติเงินกู้ โดยมีการเบิกเงินออกไปเพียง 8 นาที หลังจากสหกรณ์โอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชี แต่กล้องวงจรปิดไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเวลาผ่านมานานแล้ว ทางผู้บริหารจึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทำให้ทราบว่าในวันดังกล่าวมีข้าราชการครูหญิง และผู้ชายที่มีตำแหน่งเป็นรองปลัดเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งนำเอกสารเข้ามาเบิกเงินจริง ทั้งนี้จากการตรวจสอบก็พบอีกว่าเอกสารใบมอบฉันทะ และเอกสารในการเบิกเงินเป็นลายมือของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูคนหนึ่งที่ปลอมขึ้นมาเบิกเงิน รวมทั้งบัญชีธนาคารก็ถูกสับเปลี่ยนจากบัญชีธนาคารกรุงไทยเป็นบัญชีออมทรัพย์ของสหกรณ์

 

นายสมมัคร กล่าวอีกว่า ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริง เบื้องต้นตรวจสอบพบหนึ่งคน ที่ร่วมกับบุคคลภายนอกดำเนินการหาผลประโยชน์เรียกรับเงิน 13 เปอร์เซ็นต์จากการกู้เงิน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อและรายละเอียดได้มาก เนื่องจากยังอยู่ระหว่างจากการสอบของคณะกรรมการ และขยายผลว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องอีกบ้าง ซึ่งเชื่อว่าจะต้องทำกันเป็นขบวนการ เพราะคนเดียวทำไม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวขณะนี้ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์จะนำเข้าสู่เข้าที่ประชุมของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องที่เกิดขึ้นว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะการเรียกรับเงิน 13 เปอร์เซ็นต์นั้นไม่ใช้จำนวนเงินน้อยๆพร้อมกับส่งสรุปผลการสอบไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

หน้าแรก » อาชญากรรม