วันที่ (4 ก.ค.63) เวลา 11.00 น. ที่ นรข.เขตอุบลราชธานี อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี พล.ร.ต.สมพงษ์ ศรอากาศ ผบ.นรข. น.อ.แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์ ผบ.นรข.เขตอุบลราชธานี และ ร.ต.อ.ธงชัย ถูระวรรณ์ รองผบ.ร้อยตชด.227 ด.ต.สมศักดิ์ อุ่นเจริญ รองผบ.มว.ฉก.ตชด.2272 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรนารี กองร้อนอส.เขมราฐ ทก.ฉก.ทพ.23 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าว การตรวจยึดยาบ้า จำนวน 190,000 เม็ด

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.63 เวลาประมาณ 17.00 น. น.อ.แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์ ผบ.นรข.เขตอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการนำยาเสพติดลักลอบเข้ามาส่งยังฝั่งไทย ที่บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านโพธิ์เมือง (หลังโรงเรียนบ้านนาเมือง) ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วสั่งการให้ นท.เอกสยาม แย้มสำรวล หน.เรือเขมราฐ และ นท.วรภัทร แสงสุวรรณ หน.เรือโขงเจียม จัด จนท.ชุดสกัดกั้นและปราบยาเสพติด บก.นรข.เขตอุบลราชธานี จนท.สน.เรือเขมราฐ ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยไปดักซุ่มใกล้บริเวณที่ได้รับแจ้งจากสายลับ

ต่อมา วันนี้ ( 4 ก.ค.63 ) เมื่อ เวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดที่ไปซุ่มอยู่ในบริเวณดังกล่าว ใช้กล้องส่องพบเรือจำนวน 1 ลำ แล่นมาจาก ฝั่ง สปป.ลาว โดยใช้คนพายเรือมา ประมาณ 5-6 คน พายเรือเข้ามาที่จุด จนท.ดักซุ่มอยู่ เมื่อเรือจอดที่ริมฝ่ะง พบว่า มีคน 2 คนนั่งมากับเรือ และเมื่อเรือจอดเรียบร้อยแล้ว ชาย 2 คน ได้พากันแบกถุงพลาสติดสีดำจำนวน 1 กระสอบ เดินขึ้นมาฝั่ง จากนั้น จนท.ได้แสดงตัวโดยใช้สัญญาณไฟและเสียงว่าเป็น จนท.นรข.อุบลฯ เมื่อชาย 2 คนทรายว่า เป็นจนท.ดับจับ ได้พากันทิ้งกระสอบแล้วอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้

เจ้าหน้าที่ ชุดดักซุ่มจับดังกล่าว จึงทำการตรวจสอบกระสอบและเมื่อแกะออกพบว่า ข้างในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) จำนวน 19 ห่อ บรรจุอยู่ข้างใน บรรจุถุงพลาสติกแบบกดปิดสีน้ำเงิน-ดำ ห่อละ 10 ถุง แยกเป็นสีส้ม ประมาณ 189,620 เม็ด และสีเขียวประมาณ 380 เม็ด รวม ยาบ้า 190,000 เม็ด ซึ่ง จนท.ได้นำยาบ้ามาตรวจนับบก.นรข.อุบลฯ อีกครั้ง พบว่า มีจำนวนยาบ้า ตามที่ตรวจนับครั้งแรก คือ จำนวน 190,000 เม็ด คิดเป็นมูลค่า ประมาณ 19,000,000 บาท จนท.แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้หลบหนีว่า ร่วมกันลักลอบยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)(แอมเฟตามีน) และนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย จากนั้น ได้นำของกลางทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 กิตติภณ เรืองแสน / รายงาน.