เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 25 ม.ค.64 พ.ต.ต.ธนศักดิ์  ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล ได้ร่วมจับกุม นายพาณิชการ กัลยาพงศ์วณิช อายุ 56 ปี  อยู่ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยของกลาง 1.รถยนต์เก๋งสองตอน ยี่ห้อ MITSUBISHI รุ่น SPACE WAGON สีน้ำตาล ติดป้ายทะเบียน ศย 3387 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน 2.แผ่นติดป้ายทะเบียน ศย 3387 กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่น โดยจับกุมตัวได้ บริเวณ กม.48-49 ถนนปทุมธานี-บางปะหัน ขาเข้า (ทล.347) ต.พุทเลา อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

 

ด้านพ.ต.ต.ธนศักดิ์  ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. กล่าวว่า ตามนโยบายพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.ให้ตรวจจับรถที่สวมทะเบียนปลอมซึ่งในวันนี้สืบเนื่องจาก นายสุรชัย สุขสมบัติ อายุ 40 ปี (ผู้เสียหาย) ผู้ครอบครองและเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ MITSUBISHI รุ่น SPACE WAGON สีน้ำตาล ติดป้ายทะเบียน ศย 3387 ได้แจ้งมายังสถานกฎหมายกำหนด ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  โดยที่ผู้เสียหายไม่ได้ขับรถไปสถานที่ดังกล่าวในวันเวลาเกิดเหตุ จึงได้เข้าแจ้งความไว้กับ พนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก จ.นครปฐม ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่  27 ก.ย. 63 โดยได้รับใบสั่ง ที่ถูกคันสวมทะเบียนใช้ ตั้งแต่กลางปี 2563 - ปัจจุบัน ประมาณ 10 กว่าใบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจทางหลวง (อยุธยา) ได้ดำเนินการประสานงานไปยังนายสุรชัย สุขสมบัติ และได้ดำเนินการตรวจสอบ ใบสั่งทั้งหมด พบว่า ยังมีใบสั่งที่ออกในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มเติมอีก รวมแล้ว จำนวน 17 ใบ ที่เป็นรถยนต์คันที่สวมทะเบียน จึงได้ดำเนินการตรวจสอบ เพื่อเฝ้าระวังรถยนต์ที่กระทำผิดคันดังกล่าว 

 

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม ได้ติดต่อไปยังผู้เสียหาย พบว่า ตำหนิรูปพรรณรถคันสวมและคันจริงใกล้เคียงกัน โดยจุดสังเกต รถคันจริง กรอบแผ่นป้ายทะเบียนคันจริงมีตรา HARLEY DAVIDSON 

 

ต่อมา วันที่  24 ม.ค. 64  เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสถานีตำรวจทางหลวงอยุธยา ว่ามีรถต้องสงสัยขับผ่านกล้องตรวจจับความเร็วของ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.ที่บริเวณ กม.45 ถ.สายเอเชีย ขาเข้า (ทล.32) ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกล้องเป็นระบบ AI ในโครงการ HWPD ALARM  เบื้องต้นพบว่ารถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MITSUBISHI รุ่น SPACE WAGON สีน้ำตาล ติดป้ายทะเบียน ศย 3387 กรุงเทพมหานคร  เป็นรถยนต์ต้องสงสัยที่มีผู้แจ้งว่ารถของตนถูกสวมทะเบียน  เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงโดยรถวิทยุ 1012 1119 0321 1007 ซึ่งเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับรถยนต์ติดตามมาถึง บริเวณ กม.48-49 ถนนปทุมธานี-บางปะหัน ขาเข้า (ทล.347) ต.พุทเลา อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เรียกให้ผู้ขับขี่หยุดรถ และทำการตรวจสอบพบ นายพาณิชการ หลวงชัย  อายุ 56 ปี เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจสอบ พบว่าเอกสารคู่มือรายการจดทะเบียนรถที่ผู้ขับขี่ได้แสดงไม่ถูกต้องตรงตามในระบบฐานข้อมูลฯ จึงทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยทำการตรวจสอบหมายเลขตัวถัง และหมายเลขเครื่องของรถยนต์คันดังกล่าว อีกทั้ง แผ่นป้ายการเสียภาษีประจำปี ซึ่งมีลักษณะปลอม ไม่ตรงกับข้อมูล กรมการขนส่งทางบก ซึ่งนายพาณิชการฯ ได้รับสารภาพว่า ได้ซื้อรถยนต์คันดังกล่าว มาจากเพื่อนไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง และได้ใช้มาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 ได้รับมาพร้อมป้ายทะเบียน ศย 3387 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนปลอม และได้ใช้เรื่อยมาจนกระทั่งถูกจับกุม 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้โทรศัพท์ไปแจ้งผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง ที่ถูกสวมทะเบียน นายสุรชัยฯ ได้แสดงความดีใจ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม ผู้กระทำผิดได้ เนื่องจากเกรงว่า ทะเบียนซึ่ง  นายสุรชัย สุขสมบัติ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และเป็นผู้ครอบครอง จะถูกนำไปก่อเหตุ ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อตน และได้ฝากขอบคุณมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ที่ได้ช่วยจับกุมได้โดยเร็ว

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายปฐมพล หลวงชัย  อายุ 49 ปี อยู่ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีพร้อมด้วยของกลาง 1.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET รุ่น Sonic สีดำ ติดป้ายทะเบียน 4 กค706 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน  2.แผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 2 แผ่น 3. แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี ประจำปี 2564 จำนวน  1 แผ่น ซึ่งกระทำผิดฐาน“ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม”โดยจับกุมได้บริเวณ กม.2 ถนนเอเชีย ขาเข้า (ทล.32 ) ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา นำส่ง พนักงานสอบสวน.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก นางสาวศิริพร เสามะณี อายุ 27 ปี  ผู้ครอบครองและเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ  CHEVROLET แบบ/รุ่นรถ : SONIC สีดำ ทะเบียน 4กค-706 กรุงเทพมหานคร ได้แจ้งมายัง  สถานีตำรวจทางหลวงอยุธยา ว่า ได้รับใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรในข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด,ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร,เครื่องหมายสัญญาณ  ในหลายเช่นพื้นที่ ได้แก่จังหวัดกรุงเทพมหานคร อ่างทอง,ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี  และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  โดยที่ผู้เสียหายไม่ได้ขับรถไปสถานที่ดังกล่าวในวันเวลาเกิดเหตุ   จึงได้เข้าแจ้งความไว้กับ พนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง  ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 64 โดยได้รับใบสั่ง ที่ถูกคันสวมทะเบียน ใช้ ตั้งแต่ 2562- ปัจจุบัน ประมาณ 10 กว่าใบ  จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจทางหลวง (อยุธยา) ได้ดำเนินการประสานงานไปยังนางสาวศิริพร ฯ และได้ดำเนินการตรวจสอบ ใบสั่งทั้งหมด พบว่า ยังมีใบสั่งที่ออกในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มเติมอีก รวมแล้ว จำนวน 13 ใบ ที่เป็นรถยนต์คันที่สวมทะเบียน จึงได้ดำเนินการตรวจสอบ เพื่อเฝ้าระวังรถยนต์ที่กระทำผิดคันดังกล่าว

 

ต่อมา วันที่  25 ม.ค. 64  เวลาประมาณ 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสถานีตำรวจทางหลวงอยุธยา ว่ามีรถต้องสงสัยขับผ่านกล้องตรวจจับความเร็วของ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.

 

ที่บริเวณ กม.45 ถ.สายเอเชีย ขาเข้า (ทล.32) ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกล้องเป็นระบบ AI ในโครงการ HWPD ALARM  เบื้องต้นพบว่ารถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ CHEVROLET รุ่น SONIC  สีดำ หมายเลขทะเบียน ทะเบียน 4กค-706 กรุงเทพมหานคร เป็นรถยนต์ต้องสงสัยที่มีผู้แจ้งว่ารถของตนถูกสวมทะเบียน  เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง โดยรถวิทยุ 1103 ,1112 ซึ่งเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขับรถยนต์ติดตามมาถึง บริเวณ กม.2-3 ถนนสายเอเชีย ขาเข้า (ทล.32) ต.เชียงรากน้อย อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา  และได้เรียกให้ผู้ขับขี่ หยุดรถ พบ นายปฐมพล หลวงชัย  อายุ 49 ปี เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจสอบ พบว่า ไม่มีเอกสารคู่มือรายการจดทะเบียนรถ และ ผู้ขับขี่ได้แสดงสำเนาคู่มือรายการจดทะเบียนรถคันที่ถูกจับกุมให้เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมตรวจสอบ แต่ข้อมูลผู้ครอบครองรถไม่ตรงกับข้อมูลกรมขนส่งทางบก และหมายเลขตัวถัง,หมายเลขเครื่อง ของรถยนต์คันดังกล่าว อีกทั้ง แผ่นป้ายการเสียภาษีประจำปี ซึ่งมีลักษณะปลอม ไม่ตรงกับข้อมูล กรมการขนส่งทางบก ซึ่ง นายปฐมพล ฯ ได้รับสารภาพว่า ได้ซื้อรถยนต์คันดังกล่าว มาจากกลุ่มเฟสบุ๊ค ขายรถออนไลน์ ซึ่ง ได้ซื้อมาในราคา 70,000 บาท ได้ใช้มาตั้งแต่ ต้นปี 2562 เรื่อยมา จนกระทั่งถูกจับกุม 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ได้โทรศัพท์ไปแจ้งผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง ที่ถูกสวมทะเบียน นางสาวศิริพร  เสามะณี (ผู้เสียหาย) ได้แสดงความดีใจ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม ผู้กระทำผิดได้ เนื่องจากเกรงว่า ทะเบียนซึ่ง นางสาวศิริพร ฯ เป็นผู้ครอบครอง จะถูกนำไปก่อเหตุ ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อตน โดยปัจจุบัน นางสาวศิริพร เสามะณี (ผู้เสียหาย) ยังคงได้รับใบสั่งที่เป็นคันสวมทะเบียน เมื่อประมาณ กลางเดือน ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา และได้ฝากขอบคุณมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ที่ได้ช่วยจับกุมได้โดยเร็ว และจะได้อุ่นใจ เมื่อใช้รถยนต์คันดังกล่าว