วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568 03:04 น.

อาชญากรรม

ผู้ว่าฯอุดรแถลงจับยาไอซ์ล็อตมโหฬาร 448 กก. มูลค่า 224 ล้าน

วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.18 น.

วันที่ 22 ก.ย.68 เวลา 12.00 น.ที่สถานีตำรวจภูธร อ.บ้านดุง นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับ พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, นายสุริยนต์ ดอนสมจิตร นายอำเภอบ้านดุง, พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.บ้านดุง และเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.บ้านดุง แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ตามนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยคืนวันที่ 21 ก.ย.68 เวลาประมาณ 03.30 น. ต่อเนื่องถึง 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตร.สภ.บ้านดุงสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายกันตพงษ์ หรือ “ทิว”  อายุ 20 ปี และนายชัยณรงค์ อายุ 27 ปี ชาวจ.หนองคาย โดยทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายโดยการมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมดด้วยของกลางที่ตรวจยึดได้คือ ยาไอซ์จำนวน 448 ห่อ ๆ ละ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 448 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 224,000,000 บาท พร้อมรถยนต์ยี่ห้อ KIA สีดำ ทะเบียนอุดรธานี มูลค่า 200,000 บาท ซึ่งเป็นรถของนายกันตพงษ์ ชาวจ.หนองคาย

นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เหตุการณ์จับกมุขบวนขนยาไอซ์ล็อตมโหฬารครั้งนี้เริ่มจากคืนวันที่ 20 กันยายน เวลาประมาณ 22.40 น. ศูนย์วิทยุ สภ.บ้านดุง รับแจ้งเหตุรถยนต์ประสบอุบัติเหตุชนเกาะกลางถนนในพื้นที่บ้านเหล่าอุดม ต.บ้านจันทร์ อ.บ้านดุง  เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบรถยนต์ต้องสงสัย ภายในบรรทุกห่อยาไอซ์จำนวนมาก โดยผู้ขับขี่ได้หลบหนีไป ก่อนที่ชุดสืบสวนจะติดตามและสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา

นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ย้ำว่า รัฐบาลมีความจริงจังในการกวาดล้างยาเสพติด และจะเดินหน้าตามนโยบาย “เอาจริง เอาจริง” เพื่อคืนความปลอดภัยให้กับประชาชน

พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.บ้านดุง เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ โดยจะเร่งขยายผลไปยังเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อทำลายเส้นทางการลำเลียงทั้งในและนอกประเทศ ทั้งนี้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวนนี้ตำรวจนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนทางด้านนายพงษ์ศิริ ชื่นบาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 เปิดเผยว่า การสืบสวนและจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล Seal Stop Save ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญในการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เล็ดลอดเข้าสู่พื้นที่ตอนในหรือไปยังภาคใต้ หรือถูกลักลอบส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งหากหลุดรอดไปได้จะสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวและสังคมอย่างมหาศาล “ปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดยาไอซ์ได้กว่า 3 ตัน ส่วนในปีนี้ ยึดได้แล้วถึง 9 ตัน ยังไม่รวมล็อตล่าสุดอีก 448 กิโลกรัมที่เพิ่งจับกุมได้ นับว่าเป็นปริมาณที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ทุกคดี จะถูกส่งไปตรวจพิสูจน์ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อยืนยันความถูกต้อง โดยย้ำชัดว่า ไม่มีการนำของกลางมาเวียนใช้เพื่อแถลงข่าว และเมื่อสิ้นสุดกระบวนการ จะมีการเผาทำลายทั้งหมด โดยศูนย์ ป.ป.ส. จะจัดพิธีเผาทำลายยาเสพติดอย่างน้อยปีละ 2–3 ครั้ง “ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ของกลางทุกรายการที่ยึดได้ จะถูกตรวจสอบตามขั้นตอนและถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีการนำกลับมาใช้ซ้ำอย่างแน่นอน” นายพงษ์ศิริ กล่าวทิ้งท้าย
 

หน้าแรก » อาชญากรรม