วันศุกร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 05:22 น.

การศึกษา

พร้อมแล้วเรียนโค้ชสติออนไลน์ ๒ หลักสูตร Nanodegree วิถีใหม่

วันศุกร์ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 10.28 น.

วันที่ ๒๔  ธันวาคม  ๒๕๖๔ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร ส่วนงานหลักสูตรระยะสั้นสันตินวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๔  ส่วนงานหลักสูตรระยะสั้นสันตินวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พัฒนาโค้ชสติรุ่นสอง จำนวน ๒๒ รูปคนจากทุกอาชีพ ผ่านออนไลน์ ซึ่งผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น โดยพัฒนาผ่านเครื่องมือการโค้ชที่มีสติเป็นฐานตามแนวทางของพระพุทธเจ้า ในสถานการ์ที่ต้องเผชิญกับความทุกข์และการค้นพบตนเองอย่างแท้จริง ผ่านการโค้ชสติซึ่งจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างทรงพลังโดย พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ศาสตราจารย์ ดร. (โค้ชสติ) ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา และผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวประเด็นสำคัญว่า เราต้องการครูอาจารย์นอกและครูอาจารย์ใน โดยเฉพาะครูอาจารย์ในนำทางจิตวิญญาณสามารถค้นพบความจริงสูงสุดที่เข้าสู่ในเรือนใจ ผ่านการปฏิบัติซึ่งพระพุทธเจ้าแสวงหาครูอาจารย์จนสามารถค้นพบตนเอง เพราะปกติเราพยายามหาแต่ความรู้แต่ไปไม่ถึงตัวรู้ หลายคนแสวงหาครูอาจารย์ภายนอกมากมายแต่ไม่สามารถค้นพบหาครูอาจารย์ภายใน เพื่อให้สามารถดับทุกข์ในดวงใจ ซึ่งจริตแต่ละคนมีความแตกต่างกันในการเข้าถึงความจริงอันสูงสุด ครูอาจารย์คือกัลยาณมิตรอย่าไปยึดติดกับครูอาจารย์ อย่าไปศึกษาแล้วติดกับครูอาจารย์ ครูอาจารย์เพียงแค่ผู้บอก ส่วนได้ไม่ได้บริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์ขึ้นอยู่กับท่านเอง ครูอาจารย์เพียงส่งต่อประสบการณ์ตรงที่ครูอาจารย์ได้ปฏิบัติมา

โดยสติสมาธิไม่เกี่ยวกับชายหรือหญิงไม่เกี่ยวกับพระหรือฆราวาส ทุกคนจึงสามารถเข้าถึงได้แต่ต้องปฏิบัติ การโค้ชเป็นโอกาสในค้นพบชีวิตของตนเองว่าชีวิตคืออะไร เป็นไปอย่างไร จะวางชีวิตอย่างไร ให้มีความสุขและความสำเร็จ นำไปสู่การโค้ชที่มีการตื่นรู้มุ่งโค้ชตนเองก่อนจึงขยายไปโค้ชคนอื่น ผ่านกรอบคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ในกระบวนการฝึกอบรมมีการเจริญสติผ่านการโค้ช แบ่งปัน แลกเปลี่ยน พร้อมเข้าใจเครื่องมือการโค้ชตนเองผ่านสติ เพราะการโค้ช (Coaching) สามารถมองออก ๖ ขั้น ประกอบด้วย มีความทุกข์/เป้าหมายในชีวิต อยากมีใครสักคนรับฟังภายใต้ปลอดพื้นที่ปลอดภัย โดยไม่ตัดสินไม่แนะนำแต่รับฟัง ถาม สะท้อน ชื่นชม มีการเยียวยาจิตใจ กระตุ้นถามเพื่อให้ค้นพบด้วยตนเอง โดยค้นพบเครื่องมือวิธีการสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง จึงผ่านลงมือปฏิบัติ จัดการความทุกข์และเดินไปสู่เป้าหมายชีวิตด้วยตนเอง เป้าหมายด้วยการตื่นรู้ด้วยตนเอง โดยโค้ชสติรุ่นที่ ๒ เป็นหลักสูตรโค้ชสติเป็น Nanodegree การเลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่จำเป็นในชีวิตและการทำงานเพื่อยกระดับจิตใจให้สามารถโค้ชตนเองแม้ตนเองมีความทุกข์เข้ามาท้าทายผ่านการแปรเปลี่ยนหรือก้าวข้าม หลักสูตรโค้ชสติจึงเป็นสันตินวัตกรรมเป็นการปรับศาสตร์สมัยใหม่เข้าหาพระพุทธศาสนา โดยพระพุทธศาสนาเป็นตัวตั้งแล้วนำศาสตร์สมัยใหม่มาบูรณาการสามารถตอบโจทย์คนที่มีความทุกข์และปลดปล่อยพร้อมเดินทางไปสู่เป้าหมายของชีวิต 

เราแสวงหาของเทียมมาตลอดชีวิต ถึงเวลาเราจะหาของแท้ในชีวิต ซึ่งของแท้อยู่ในร่างกายและจิตใจ ขอให้เราขอบคุณตนเองในการนำตนเองพาเข้าอยู่แบบนี้ บุญพอแล้วจึงมาเจอกัน โดยสติสมาธิเป็นสมบัติของมนุษยชาติไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า เพราะแม้ไม่มีพระพุทธเจ้าธรรมะมีอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่มีความทุกข์จะหันหน้าเข้ามาหาพระพุทธศาสนาที่ต้องการดับทุกข์ “ออกแบบสำหรับคนมีความทุกข์” ขอให้ทุกท่านอย่าอกตัญญูกับตนเองในการใช้ชีวิต จึงต้องกลับมาดูร่างกายและจิตใจของตนเอง   

หน้าแรก » การศึกษา