เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 พระปราโมทย์  วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร  กรรมการกำกับห้องสอบวัดคุณสมบัติ  QE : Qualifying Examination เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30  มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้เป็นกรรมการกำกับห้องสอบวัดคุณสมบัติ  QE : Qualifying Examinationเพื่อวัดคุณสมบัติของนิสิตระดับปริญญาเอก หลักสูตรสันติศึกษา มจร ซึ่งการสอบ QE เป็นการวัดคุณสมบัติของนิสิตปริญญาเอก สันติศึกษา เพื่อจะเตรียมสอบโครงร่างดุษฎีนิพนธ์ ว่านิสิตมีความรู้ที่เหมาะสมกับการทำดุษฏีนิพนธ์หรือไม่อย่างไรซึ่ง "แสดงถึงศักยภาพความคิด " ของนิสิตระดับปริญญาเอก หัวใจของการสอบคือ good preparation คือ การเตรียมตัวที่ดี   ชีวิตต้องมีการทดสอบ จึงมีการสอบคุณสมบัติสำหรับนิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา ประกอบด้วย   

1) ด้านทฤษฎี   เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับสันติศึกษาและความขัดแย้ง ทฤษฎีถือว่าเป็นความสำคัญ ถือว่าเป็นหลักการในการศึกษา หลักสูตรให้ความสำคัญทฤษฎีตะวันตกและทฤษฎีด้านพระพุทธศาสนา หรือ พุทธสันติวิธี นิสิตจะต้องเข้าใจทฤษฎีแนวพุทธและตะวันตกเพื่อจะได้บูรณาการในการสร้างสันติภาพในมิติต่างของชุมชน องค์กร สังคม ประเทศ และระดับโลก   

2) ด้านการวิจัย  การค้นหาคำตอบที่เป็นระบบเป็นการวิจัย การวิจัยเน้นย้ำให้เขียนโครงร่างดุษฏีนิพนธ์ ว่าเรามีโครงร่างอย่างไรบ้างที่จะสามารถสร้างสันติสุข สามารถออกแบบงานวิจัย เข้ากระบวนการทำวิจัยอย่างเป็นระบบ  งานวิจัยจะต้องนำไปสู่สันตินวัตกรรม  

3) ด้านการประยุกต์  เป็นการประยุกต์คำสอนทางพระพุทธศาสนาลงไปปฏิบัติจริงในพื้นที่ เรียกว่า เอาธรรมไปทำ เพื่อเสริมสร้างสังคมสันติสุขในมิติของนิสิตเองหรือเหตุการณ์ในปัจจุบัน จึงต้องมีการประยุกต์พุทธสันติวิธีและศาสตร์ตะวันตกเข้าไปบูรณาการในการสร้างสันติภาพในครอบครัวชุมชน  สังคม  องค์กร ประเทศ รวมถึงสังคมโลกต่อไป 
จึงแสดงให้เห็นว่าระดับปริญญาเอกมองกันที่ Mindset ที่สามารถเขียนออกไปผ่านการบูรณาการปรับศาสตร์เข้าหาพระพุทธศาสนา ผ่านการ "ดูงานเขียนมากกว่างานพูด" ทักษะการบูรณาการจึงมีความสำคัญยิ่ง  จึงย้ำว่า ถ้าเราไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้แสดงว่าเราเองยังไม่ชัดเจนพอ จะต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งแล้วสามารถสื่อสารผ่านงานเขียนให้คนอื่นเข้าใจอย่างชัดเจน