วันอาทิตย์ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:41 น.

การศึกษา

 "ศุภชัย" ชี้มหาวิทยาลัยต้องไม่ใช่แค่ “แหล่งสอนหนังสือ” แต่ต้อง “ลงไปอยู่ในใจของชุมชน” เป็นศูนย์กลางของการแก้ปัญหา สร้างโอกาสใหม่ให้กับชุมชน

วันเสาร์ ที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 11.14 น.

 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วย รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวมอบนโยบาย ในหัวข้อ “การนำ อววน. เพิ่มศักยภาพพื้นที่ จ.ภูเก็ต” ในโอกาสลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนงานด้าน อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน. ) โดยมี พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.การอุดมศึกษาฯ นายสุวิทย์ พันธ์เสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต  ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) นางสาวปัทมา แจ้งใจ ผู้จัดการโครงการโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ดร.พรสรรค์ โรจนพานิช รองผู้อํานวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจยุทธศาสตร์ อววน. การพัฒนาเศรษฐกิจไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)  ผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน ให้การต้อนรับ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต 

นายศุภชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงสําคัญของโลก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการอุดมศึกษาและการพัฒนากําลังคน ทั้งเรื่องรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็นแบบหลายช่วง (Multistage Life) การเปลี่ยนโครงสร้างประชากรซึ่งประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) รวมถึงแนวโน้มความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัล ก่อให้เกิดกระบวนทัศน์ทางการศึกษาและการจ้างงานในรูปแบบใหม่ สู่กลุ่มผู้เรียนบบ Non-age group บทบาทการอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนเป้าหมายประเทศจึงจำเป็นต้องมีการกําหนดยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาอุดมศึกษาออกเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.พัฒนาศักยภาพคน (Capacity Building) 2.ส่งเสริมระบบนิเวศวิจัยอุดมศึกษา (Research Ecosystem Building) และ 3.จัดระบบอุดมศึกษาใหม่ (Higher Education Transformation) โดยมุ่งเน้นนโยบายหลัก (Flagship Policies) ที่ครอบคลุม 3 มิติ ประกอบด้วย 1.ด้านการจัดการศึกษา มุ่งเน้นการผลิตกําลังคนตามความต้องการของประเทศ 2.ด้านการวิจัย สร้างนวัตกรรม และบริการวิชาการ โดยกลไกการส่งเสริมความร่วมมือในการวิจัยและบริการวิชาการ การนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์และสร้างผู้ประกอบการใหม่ การเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนบุคลากร และการดึงดูดบบุคลากรความสามารถสูงจากต่างประเทศมาร่วมดําเนินการวิจัยและนวัตกรรมตามความต้องการของประเทศ และ  3.ด้านการบริหารจัดการ มุ่งเน้นให้เกิดธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา การยกระดับคุณวุฒิและตําแหน่งวิขาการอาจารย์ Digital Transformation และการปฏิรูประบบการเงินให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า นอกจากนี้ จําเป็นต้องมีกฎหมายและเครื่องมือสนับสนุนในการขับเคลื่อนการอุดมศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศ

ผู้ช่วย รมว.อว. กล่าวต่อว่า หัวใจของกระทรวง อว. ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคต คือการเตรียมคนไทยให้พร้อมกับศตวรรษที่ 21 และการใช้องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบให้กับประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้แนวคิดว่ามหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยต้องไม่ใช่แค่ ‘แหล่งสอนหนังสือ’ แต่ต้องเป็นศูนย์กลางของการแก้ปัญหาและสร้างโอกาสใหม่ให้กับชุมชน และเพื่อให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง กระทรวง อว. จึงมุ่งเน้นการปฏิรูป 3 ด้าน คือ ระบบบริหาร กฎหมาย และงบประมาณ เพื่อให้สถาบันในพื้นที่มีอิสระในการคิด แต่มีความรับผิดชอบในการลงมือทํา 

“นี่คือ Transformation Code ที่จะพาเราสู่ Thailand 5.0 อย่างแท้จริง นอกจากนี้ กระทรวง  อว. ได้มีการผลักดันในเรื่อง ‘University Holding Company’ หรือ ‘บริษัทโฮลดิ้งของมหาวิทยาลัย’ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างใหม่ในการบริหารจัดการธุรกิจนวัตกรรม จากงานวิจัยและองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัย” โดยมีเป้าหมายให้เป็นสะพานนวัตกรรมที่ต่อยอดองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยสู่เศรษฐกิจจริง กระทรวง อว. มุ่งเน้นให้มหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่เพียงในรั้ว แต่ ‘ลงไปอยู่ในใจของชุมชน’ ให้ได้จริง เป็นพื้นที่ที่สร้างนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง เปิดกว้างสําหรับทุกวัย และเป็นระบบการศึกษาที่เปิดให้คนเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต" นายศุภชัย กล่าว
 
 

หน้าแรก » การศึกษา