เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2565 ภายหลังเป็นเรื่องร้อนๆ วงการผ้าเหลือง เมื่อนายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลามือปราบสัมภเวสี พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ และฝ่ายปกครอง บุกเข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง ญาณวโร” อายุ 98 พรรษา พระเกจิชื่อดัง ที่อาศัยอยู่ในที่พักสงฆ์ พื้นที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก จ.ยโสธร โดยคณะหมอปลากล่าวหาว่าหลวงปู่แสง ลวนลามญาติโยมที่เป็นหญิงสาว พร้อมเปิดคลิปหลักฐานของญาติโยม จนตอนนี้กระแสเริ่มตีกลับมาที่มือปราบสัมภเวสีว่า การบุกประจานแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบข้อมูลที่เกิดขึ้นดีหรือยัง??

ล่าสุด นายไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ไลฟ์สดแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้เกิดจากมีคนส่งคลิปไปให้หมอปลา ให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมหลวงปู่แสง โดยในคลิปมีการเป่ากระหม่อม และถูกเนื้อต้องตัว ซึ่งในคลิปไม่ได้อยู่กัน 2 ต่อ 2 แต่มีพระรูปอื่นอยู่ด้วย โดยมีการตั้งกล้องถ่ายอย่างชัดเจน

"การตั้งกล้องถ่าย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีเรื่องแบบนี้หลายครั้ง จึงมีการตั้งกล้อง หรือตั้งกล้องด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งต้องรอให้ออกมาชี้แจง หากเป็นคนทั่วไป เห็นข่าวแบบนี้ก็คงด่าไปก่อน แต่ถ้ามาดูสภาพการณ์ที่มันเป็นจริงแล้ว และความคิดเห็นคนอีกฝั่ง เขาไม่คิดว่าหลวงปู่จะมีความรู้ตัว หรือจงใจจะลวนลามสีกาจริงๆ เขาออกมาปกป้องครูบาอาจารย์เขา" 

เรื่องนี้จะเป็นประเด็น ถ้าหลวงปู่แสง  ไม่มีอาการชราภาพจนเดินไม่ได้ หรือป่วยอัลไซเมอร์ ตนเองจะไม่ออกมาพูดอะไร เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม หลังจากนี้อยากให้ลูกศิษย์ออกมาชี้แจงว่า หลวงปู่เป็นโรคอัลไซเมอร์จริงหรือไม่ โดยการเอาแพทย์ที่เคนรักษามายืนยัน แต่ถ้าท่านป่วยเลอะเลือนจริง ต้องให้ความเป็นธรรมท่าน  ทั้งนี้ตามข้อพระวินัย ไม่เอาโทษภิกษุที่มีสติฟั่นเฟือน หรือไม่รู้สึกตัว แตกต่างจากทำโดยรู้ตัวมีสติ ตรงนี้จะเป็นความผิดฐานวินัย ฉะนั้นต้องนำมาแพทย์มายืน และส่งเรื่องให้คณะสงฆ์สอบด้วย อย่าเอาแค่ความสะใจ เพราะความสะใจและความถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน

"ไม่ใช่เอะอะสึกๆ สังคมสมัยนี้เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง มันไม่ได้ครับ โดยกรณีของพระสงฆ์ต้องบังคับใช้พระวินัยให้เท่าเทียมเสมอภาคกัน ต้องเปิดทางให้ท่านเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ถ้ามันเป็นความผิดชัดเจน ผมจะไม่ออกมาพูด โดยเคสนี้ ผมดูคลิปบางจังหวะแล้ว ผมรู้สึกว่าการใช้คำพูด ผมรู้สึกว่ามันรุนแรงมากไป เพราะท่านเป็นพระอายุมาก และเรายังไม่รู้ข้อเท็จจริงแท้แค่ไหน รวมถึงมีการบุกเข้าไป จึงอยากฝากถึงสื่อมวลชนด้วย จะต้องมีการสงวนท่าทีมากกว่านี้ คำพูดคำจามันไม่ได้ครับ เพราะเราต้องเป็นสุภาพชน เป็นผู้หวังดีต่อพุทธศาสนา ไม่ได้เข้าไปในฐานะคนพาล ไปทำหน้าขมึงคิ้วขมวด มันเป็นภาพไม่เหมาะ" 

ตอนนี้เริ่มเกิดภาพบางอย่างที่ไม่เหมาะสมขึ้น ล่าสุดเป็นการใส่บาตรให้สามเณร โดยใส่ “ถุงยาง” ไปให้ด้วย ส่วนตัวมองว่าเริ่มจะไม่ดีแล้ว โดยความตั้งใจในการกำจัดพระที่ไม่ดี ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังมีเรื่องกระบวนการ ที่ต้องสงวนท่าที่ลงหน่อย ยกเว้นกรณีที่มีหลักฐานชัดเจนมากๆ ไม่ใช่เคสพระชราที่ป่วยอัลไซเมอร์ พูดจาไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังไปพูกกระโชกใส่ท่าน บังคับให้ตอบคำถาม ทั้งที่ท่านไม่มีสติความรู้ตัว

อยากถามไปถึงลูกศิษย์หลวงปู่แสงว่า ท่านป่วยแบบนี้แล้ว ทำไมยังให้ท่านรับแขกญาติโยมเหมือนพระปกติ เหมือไม่มีอาการป่วยอะไร โดยตอนนี้ตนเองไม่มั่นใจว่าหลวงปู่เริ่มมีอาการแปลกๆ คือ ถูกเนื้อต้องตัวสีกาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าเหตุการณ์ล่าสุด ไม่ใช่ครั้งแรก ทำไมลูกศิษย์ถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

"ลูกศิษย์น่าจะรู้ว่าท่านทำไปโดยไม่รู้ตัว ทำไมยังปล่อยให้ท่านทำ โดยเฉพาะคำอ้างว่า เป็นสายพระวัดป่า ซึ่งสายวัดป่า เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ได้เลย นอกจากนี้อยากฝากถึงชาวพุทธ โดยเฉพาะผู้หญิง ต้องรู้ตัวเองว่า พระถูกเนื้อต้องตัวสีกาไม่ได้เลย ฉะนั้นอย่ากระสันได้บุญ ขึ้นไปให้พระถูกเนื้อต้องตัว เพราะถ้าความกำหนัดมันเกิดขึ้น ถือเป็นอาบัติรุนแรง โดพเพราะถ้ารู้ว่าท่านฟั่นเฟือนแล้ว จะขึ้นไปให้ท่านแตะตัวทำไม" 

ตอนนี้อยากให้ลูกศิษย์ออกมาชี้แจงเป็นการเร่งด่วน เพราะอยากให้ออกมาเซฟครูบาอาจารย์ อย่าเห็นครูบาอจารย์เป็นแค่สินค้าเท่านั้น ถือเป็นกระบวนการหากินกับพระ โดยกรณีหลวงปู่แสง ถ้าตรวจสอบไม่เป็นตามที่สื่อมวลชนนำเสนอ ทางสื่อต่างๆ ต้องขอโทษ และกราบขอขมาท่านด้วย อย่าให้เรื่องจบเงียบๆ เพราะตอนบุกไป เป็นภาพที่น่าเวทนามาก

 ขณะเดียวกันนายสมปอง นครไธสง ก็ได้ไลฟ์สดแสดงความเห็นเรื่องนี้เช่นเดียวกัน 

คณะลูกศิษย์ยัน “หลวงปู่แสง” พร้อมโชว์ประวัติอาพาธอัลไซเมอร์ 
 
นายสิทธา มูลหงส์ ผู้ตรวจราชการ และโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีข้อร้องเรียนถึงพฤติกรรมหลวงปู่แสง จนฺทโชโต (ญาณวโร) วัดป่าดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยโสธร (พศจ.ยโสธร) ได้รายงานว่า จากการลงพื้นที่ร่วมกับคณะสงฆ์อ.ป่าติ้ว(ธรรมยุต) ในช่วงเย็นวันที่ 11 พ.ค. เวลาประมาณ 17.30 น.เพื่อหาทางยุติปัญหาดังกล่าว แต่ไม่พบว่าหลวงปู่แสง อยู่ในที่พักสงฆ์แล้ว ทราบจากพระผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลที่พักสงฆ์ว่า หลังจากคณะของหมอปลาออกจากที่พักสงฆ์แล้วคณะลูกศิษย์ได้ประชุมปรึกษากันและมีมติให้นำหลวงปู่แสงไปรักษาอาการอาพาธ ซึ่งก็ไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบว่าที่ใด

โฆษกพศ. กล่าวต่อไปว่า ขณะที่พระผู้อยู่ดูแลที่พักสงฆ์ได้ถวายรายงานเจ้าคณะอ.ป่าติ้ว(ธรรมยุต) ว่าหลวงปู่แสง มีอาการอาพาธ สมองฝ่อ เป็นอัลไซเมอร์ มาหลายปีแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานประวัติการอาพาธและการรักษาจากแพทย์ประจำตัวอยู่ ส่วนประเด็นการอวดอุตริว่าปัสสาวะ อุจจาระ เป็นพระธาตุนั้น ได้รับการชี้แจงจากพระผู้ดูที่พักสงฆ์ว่าหลวงปู่แสงไม่เคยพูด มีแต่ลูกศิษย์นำไปพูดกันเอง ขณะที่เรื่องการดื่มน้ำปัสสาวะของพระรูปหนึ่งที่โชว์สื่อมวลชนนั้น ผู้ดูแลที่พักสงฆ์ได้ชี้แจงว่าเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าท่านเคารพรักและศรัทธาตัวหลวงปู่แสงมาก และยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้เจ้าคณะอ.ป่าติ้ว(ธรรมยุต) ได้ตักเตือนแล้วว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามทางเจ้าคณะอ.ป่าติ้ว (ธรรมยุต) จะรายงานไปยังเจ้าคณะจ.ยโสธร (ธรรมยุต) ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เนื่องจากหลวงปู่แสง ไม่ใช่พระในสังกัดคณะสงฆ์ จ.ยโสธร แต่เป็นพระในสังกัดวัดป่าวังเลิง(ธรรมยุต) จ.มหาสารคาม ซึ่งทราบว่าหลวงปู่จะไปๆ มาๆ ในหลายจังหวัด ไม่ว่าจะที่ จ.อุบลราชธานี จ.มหาสารคาม หรือที่ จ.เชียงราย และเข้ามาพักอยู่ที่พักสงฆ์นี้เมื่อประมาณปี 2563

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยูทูปนาม" หมอปลา [Official Channel]" ที่อัพโหลตเนื้อหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของหมอปลา ปัจจุบันนี้มีผู้ติดตาม  2.45 ล้านคน  พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี,ศ.ดร. รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  วัดไร่ขิง พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่าน "ศ.ดร.พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี" ความว่า  "ในวันที่ใครๆ ก็ดังได้ ใครก็หาเงินกันได้ง่ายๆ จากโลกออนไลน์ มันทำให้เกิดเปรตอสุรกายที่กระหายเงินตราและชื่อเสียงออกปฏิบัติการล่ากลุ่มที่อ่อนแอในสังคม แล้วขยี้บี้ให้เป็นประเด็น เรียกเสียงชื่นชมตน  พร้อมเสียงก่นด่าเหยื่อกันสนุกสนาน หากพลาดอย่างดีก็แค่ทำเฉย แล้วออกล่าเหยื่อรายต่อไปๆ 

ดูอย่างการจัดฉากสร้างรอยมลทินให้พระสงฆ์อายุหลัก 100 ปี ถ้าสติปัญญาดีๆ ก็พิจารณาได้ ทั้งเหตุการณ์รวมถึงการแสดงล้วนมีเลสนัย แต่คนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆคือผู้กำกับการแสดง ทั้งยอดวิว ยอดแชร์พุ่งกระฉูด ทั้งยูทูปก็คงจ่ายเงินก้อนใหญ่  แถมพาทัวร์มาถล่มหลวงตาอย่างสะใจ ซักวันเวรกรรมจะตามทัน 

บรรดาข้าราชการเกรงกระแสสังคมของแฟนคลับคนพวกนี้จะถล่ม ก็ทำตนเหมือนตอไม้  ไม่ขยับกายเคลื่อนไหวช่วยป้องภัยให้พระสงฆ์ จนดูเหมือนมีอยู่ไม่ต่างจากกาฝาก จริงอยู่ในศาสนานี้มีอลัชชีอยู่ไม่น้อย  จะช่วยกันกำจัดให้ศาสนาไม่มัวหมอง ก็จะได้รับแต่คำสรรเสริญ  ทำด้วยใจไม่ให้ผลประโยชน์มาบังหน้า ก็คงไม่มีใครว่า มีแต่คนชื่นชม  ถ้าหลายหูหลายตาช่วยกันรักษา ศาสนาก็จะปลอดจากความมัวหมอง" 

(ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก ศ.ดร.พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี)