วันศุกร์ ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 15:13 น.

การศึกษา

วิศวฯ จุฬาฯ ร่วมเปิดตัวโครงการ Chula Learn-Do-Share 2024 สนับสนุน SMEs

วันพุธ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567, 15.24 น.

วิศวฯ จุฬาฯ ร่วมเปิดตัวโครงการ Chula Learn-Do-Share 2024 สนับสนุน SMEs

 

ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณวีระวัฒน์ ชลายน ประธานกรรมการมูลนิธิอรุณ สรเทศน์ กล่าวถึงการทำงานร่วมกันระหว่างมูลนิธิอรุณ สรเทศน์ และสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (CBiS) ภายใต้มูลนิธิอรุณ สรเทศน์ สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และและคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยให้ความสำคัญกับบทบาทและการปรับตัวของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของธุรกิจที่ยั่งยืนของประเทศ เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และ Net zero GHGs ในปี 2065 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบบริบทของประเทศ ในการจัดงาน อรุณ สรเทศน์ รำลึก ประจำปี 2567

 

พร้อมกันนี้ได้เปิดตัว “โครงการ Chula Learn-Do-Share 2024” โดยศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน และคุณวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันพัฒนาศักยภาพของนิสิตและบุคลากรของหน่วยงานภายใต้ความร่วมมือมุ่งสู่การเป็นกลุ่มคน Green talent ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม การมอบทุนการศึกษาให้แก่นิสิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกทั้ง มีการประกาศความร่วมมือการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่สังคมเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยนวัตกรรม ระหว่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิอรุณ สรเทศน์ ผ่านการประยุกต์ และบูรณาการศาสตร์ทางวิศวกรรมและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่สังคมเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยนวัตกรรม

 

นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคนโยบายผ่านการบรรยายพิเศษ หัวข้อ “ความท้าทายในการเดินหน้าอนาคตประเทศ : COP28 Global stocktake และความสำคัญของ Supply chain management” ซึ่งมองว่าการดำเนินงานของประเทศไทยที่ทำอยู่ในปัจจุบันนั้นยังเป็นการยากที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ จึงต้องวางกรอบนโยบาย ตลอดจนการกำหนดกลไกและเครื่องมือ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมาย อีกทั้ง หวังว่าร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังดำเนินการจัดทำจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้รวดเร็วยิ่งขึ้น  และเสวนาวิชาการหัวข้อ “The Path to Carbon Neutrality: Transforming Green Supply chains and Business” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนร่วมแบ่งปันประสบการณ์และแลกเปลี่ยนมุมมอง เพื่อหาแนวทางในการนำพา SMEs ของประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง

               

คุณวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงการปรับตัวของภาคพลังงาน กฟผ. ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศได้มีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ควบคู่กับการจัดตั้งศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนำเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานเข้ามาประยุกต์ใช้ ได้แก่ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS)  และ โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pump Storage)  เพื่อให้สามารถเก็บไฟฟ้าส่วนที่ผลิตไว้ใช้ในอีกช่วงเวลาหนึ่งได้ อีกทั้งการสนับสนุนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า การส่งเสริมการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่จะนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จของเป้าหมาย Carbon Neutrality คือเน้นการสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม

 

ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงความท้าทายของภาคธุรกิจ ในการปรับตัวเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนว่า ภาคการเงินควรมีบทบาทในการให้ความรู้ ทำให้มีความเข้าใจที่ตรงกันกับองค์กรธุรกิจ รวมถึงให้ข้อมูลควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อสามารถตรวจสอบและประเมินต้นทุนคาร์บอน ตลอดจนกำหนดเส้นทางการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ได้

 

คุณธนกร ชาลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เป็นการบริหารจัดการข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยี dashboard recording เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องและมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถประเมินและแปลงหน่วยเพื่อนำมาคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถจัดทำรายงานเบื้องต้นเพื่อแสดงสถานะการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์เบื้องต้นขององค์กร เพื่อจัดทำเป้าหมายการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ขององค์กรต่อไป

 

 

 

ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน กล่าวถึงบทบาทของสถาบันการศึกษาในเรื่องการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยสถาบันการศึกษาควรให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นกลาง รวมถึงสร้างงานวิจัยที่สามารถทำร่วมกับองค์กรเพื่อแก้ไขปัญหาจริงได้ โดยนำเทคโนโลยีเช่น AI เข้ามาช่วย  ตลอดจนนำข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยมาต่อยอด นอกจากนี้โครงการ learn-do-share ที่เปิดตัวในวันนี้ ได้มีความคาดหวังจะพัฒนานิสิต นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาเพื่อสร้าง Green talent ที่ตอบโจทย์กับการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

 

สามารถรับชมงานแถลงข่าวและเสวนาย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/ChulaEngineering และผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วม “โครงการ Chula Learn-Do-Share 2024” สามารถสมัครได้ที่ https://shorturl.at/kprFR ตั้งแต่วันนี้ ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ contact@cbis.institute

 

ส่งข่าวได้ที่  email : saowaporn12345@gmail.com   และ  bat_mamsao@yahoo.com

หน้าแรก » การศึกษา