เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธุ์ 2568 อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดย ผศ.ดร.ภูภณัช รัตนชัย ผศ.สมชาย บุญคงมาก ผศ.สุชาดา ศรีใหม่ ผศ.ศิวัชทีปต์ จิรหิรัญธนากร ผศ.จุไรพร ชีพประสพ อ.ทศพร จินดาวรรณ พร้อมนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ชั้นปีที่ 4 ได้จัดทำโครงการสร้างนักนิติศาสตร์รับใช้ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืนด้วยทักษะวิศวกรสังคม ภายใต้กิจกรรม “เสวนาแนวทางร่วมรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ชุมชนบ้านเขาหลัก” 
    
โครงการดังกล่าวมีพี่น้องชาวบ้านในพื้นที่ และเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านคลองไม้แดง โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านยางโพรงเข้าร่วมรับฟัง และมี ดร.ธนสาร เดชนะ นักวิชาการอิสระ ร่วมสังเกตการณ์ กิจกรรมในครั้งนี้ได้เรียนเชิญวิทยากร 3 ท่านที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้แก่ นายชยันต์รัฐ รุ่งโรจวรารักษ์ นายอำเภอไชยา พ.ต.ท.ยศพล แก้วฤทธิ์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรโมถ่าย และนายกิตติศักดิ์ ชูแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง การเสวนาในครั้งนี้ นายชยันต์รัฐ รุ่งโรจวรารักษ์ นายอำเภอไชยา ได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้พี่น้องชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งอาศัยในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงได้ร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไม่บุกรุกผืนป่า ไม่ทำลายแหล่งต้นน้ำ ไม่เผาป่า ร่วมกันสอดส่องดูแลไม่ให้ผู้ใดกระทำผิดกฎหมาย และร่วมกันอยู่ในสังคมด้วยความปรองดอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือรับผิดชอบดูแลภารกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลประโยชน์สุขแก่พี่น้องชาวบ้าน
    
ด้าน พ.ต.ท.ยศพล แก้วฤทธิ์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรโมถ่าย ได้แนะนำนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า อดีตในวัยเรียนท่านได้ใช้ชีวิตอย่างอดทน ไม่มีไฟฟ้าอ่านหนังสือเช่นเดียวกับนักเรียนในพื้นที่นี้ ขอให้ทุกคนอดทนตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่ออนาคตที่ดีเป็นกำลังให้แก่ประเทศชาติ และท่านได้ขอความร่วมมือกับพี่น้องชาวบ้านในการร่วมกันต่อต้านยาเสพติด การล่าสัตว์ป่า การบุกรุกผืนป่า ถ้าหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรืออุทยานแห่งชาติแก่งกรุงพบเห็นการกระทำความผิด ตนก็จำต้องดำเนินคดี และถ้าหากพี่น้องชาวบ้านมีความประสงค์จะพบตนก็พร้อมยินดีต้อนรับและพร้อมที่จะบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป 
    
ส่วนนายกิตติศักดิ์ ชูแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ได้ให้ความรู้แก่พี่น้องชาวบ้านและนักเรียนในส่วนของประเภทสัตว์ป่า สัตว์สงวน และบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติที่จะต้องมีภารกิจในการคุ้มครองปกป้องผืนป่า ปกป้องสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และจะทำหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวบ้านเข้าใจถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ เนื่องจากตนเองก็ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องอยู่ร่วมกันและช่วยกันอนุรักษ์ผืนป่าและสัตว์ป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงให้มั่นคงยืนยาวสืบจนถึงรุ่นลูกหลานต่อไป
    
การจัดทำโครงการครั้งนี้ นายจรูญศักดิ์  มนวรินทรกุล กำนันตำบลปากหมาก และนายสงวน คงเพชร ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้กล่าวต้อนรับทุก ๆ ฝ่าย พร้อมแสดงถึงความห่วงใยพี่น้องชาวบ้าน และขอให้ทุกคนร่วมมือกันรักษาพื้นที่แห่งนี้ ด้วยความรัก หวงแหน ช่วยกันปกป้องมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า อนาคตชุมชนแห่งนี้จะได้มีไฟฟ้าใช้ทุกครัวเรือน ตลอดถึงนางสาวปาริฉัตร รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนบ้านคลองไม้แดง นายสุรพงษ์ ชื่นวิเศษ ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านยางโพรง ได้กล่าวทักทายพี่น้องชาวบ้าน โดยทั้ง 2 ท่านได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ผืนป่าและสัตว์ป่า จึงได้นำนักเรียนเข้ามาร่วมรับฟัง เพื่อปลูกจิตสำนึกให้เห็นถึงคุณค่าของผืนป่าและสัตว์ป่า การเสวนาในครั้งนี้อาจารย์คณะนิติศาสตร์ได้ชื่นชมเมื่อสังเกตเห็นถึงอากัปกิริยาของเด็กนักเรียนที่มีสมาธิในการตั้งใจรับฟังอย่างดีเยี่ยม แม้ในการเสวนาจะมีระยะเวลานานพอสมควร
    
นอกจากนั้น ผศ.ธวัช บุญนวล อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้เข้ามาร่วมกิจกรรม พร้อมประชาสัมพันธ์เพื่อจัดทำสกู๊ปชีวิตของพี่น้องชาวบ้านในขณะปัจจุบันที่ยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ เพื่อบันทึกความทรงจำและเป็นกรณีศึกษาด้านเชิงวิชาการในอนาคตต่อไป ตลอดถึง ผศ.ดร.พรทิพย์ วิมลทรง ผศ.กานต์ธิดา บุญมา อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการภัยพิบัติ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้เข้ามาร่วมสมทบและประชาสัมพันธ์ เพื่อจัดทำโครงการป้องกันภัยพิบัติในพื้นที่ตำบลปากหมากต่อไปในอนาคต
    
โครงการดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างพี่น้องชาวบ้าน โรงเรียนในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อำเภอไชยา สถานีตำรวจภูธรโมถ่าย อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง องค์การบริหารส่วนตำบลปากหมากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซึ่งจะร่วมกันยกระดับชีวิตของพี่น้องชาวบ้านในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีกระแสไฟฟ้าใช้ในพื้นที่ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันให้เกิดขึ้นได้จริงในอนาคตต่อไป