วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 14:41 น.

การศึกษา

 "ปลัด อว." เผย  "มจร" แจงแล้ว ปมข้อมูล น.ศ.จีน แค่เรียนภาษาไทยและสิ้นสภาพไปแล้ว มี สตม.คุมเข้มด้วย

วันอังคาร ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568, 14.28 น.

เมื่อวันที่ 22 เมษายน  2568  กรณีที่มีส.ส.คนหนึ่งพรรคการเมืองหนึ่งให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดยตั้งข้อสังเกต 3 เรื่องใหม่ หนึ่งในนั้นคือ ทุกวันนี้ตามไซต์งานก่อสร้างต่างๆ มีผู้ประกอบการที่มีผู้ถือหุ้นสัญชาติจีนถือหุ้นแบบทางอ้อม โดยพฤตินัย มีการถือหุ้นไขว้กันไปมา พอนำมารวมหุ้นทางอ้อมจากบริษัทที่เกี่ยวข้องก็มากกว่าหุ้นของคนไทย การกระทำในลักษณะนี้พบเบาะแสว่ามีการนำวิศวกรต่างชาติมาทำงาน โดยไม่ได้ผ่านการควบคุมจากสภาวิศวกร และเอามหาวิทยาลัยศูนย์เหรียญที่อยู่ในทุนของคนจีนออกวีซ่านักศึกษาเข้ามาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบ เพราะนี่ไม่ใช่การลักลอบ แต่เป็นหายนะของแวดวงวิศวกรรมนั้น

นายศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยเเละนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มและมีข่าวเรื่องคนจีนได้วีซ่านักเรียนมาทำงาน ทาง อว.ได้สอบถามข้อมูลไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมื่อวันที่ 8 เมษายน เพื่อขอทราบรายชื่อหลักสูตร/สถาบันอุดมศึกษาที่มี น.ศ.ต่างชาติได้รับวีซ่า ED plus แต่ไปทำงานในภาคเอกชน/อุตสาหกรรม ซึ่งไม่เป็นตามวัตถุประสงค์การตรวจลงตรา

นายศุภชัยกล่าวว่า ส่วนกรณีคนจีนที่ไปหยิบแฟ้มออกจากตึกถล่มคือ Mr.Jin Yue ได้ visa นักศึกษามาเรียน ที่วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร) (ข้อมูลจาก สตม.) อว.ได้สอบถามไปยัง มจร ในเรื่องดังกล่าว โดย มจร แจ้งว่าบุคคลดังกล่าวสมัครเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรภาษาไทยสำหรับชาวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567-31 มีนาคม 2568 และพ้นสภาพเมื่อ 1 เมษายน 2568 โดยในระหว่างการเรียนการสอนได้มีการตรวจสอบรายชื่อผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และได้รายงานต่อ สตม.ลำพูนเป็นประจำทุกสัปดาห์และทุกเดือน โดยทาง สตม.ลำพูนได้เข้าตรวจสอบมาตรฐานของการจัดการหลักสูตรและมีหลักฐานยืนยันการตรวจสอบอย่างชัดเจน เพื่อให้การจัดการนักศึกษาต่างชาติเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า มจร ยืนยันว่าไม่มีการต่อวีซ่าให้กับผู้เรียน หรือเรียกรับเงินการขอเปลี่ยน หรือขอวีซ่าจากชาวต่างชาติ ไม่มีการจัดหารถตู้รับ-ส่งแต่อย่างใด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระจายเข้าไซต์งานทั่วประเทศของคนจีนหรือชาวต่างชาติ แต่อย่างไรก็ตาม อว.ได้มีหนังสือถึง มจร และมหาวิทยาลัยเอกชนที่จีนถือหุ้น ทั้ง 3 แห่ง ให้รายงานข้อมูลนักศึกษาจีนที่มาเรียน ทั้งจำนวน สาขาที่เรียน เวลาที่ใช้เรียนจนจบการศึกษา และวีซ่านักเรียนที่ได้รับ และส่งรายละเอียดให้ อว.ภายใน 1 สัปดาห์

"สำหรับกรณีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จีนถือหุ้น เปิดหลักสูตรโท-เอกด้านวิศวกรรมนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามหาวิทยาลัยดังกล่าวมีการเปิดหลักสูตรด้านสาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยีวิศวกรรม (หลักสูตรภาษาจีน) ซึ่งเป็นตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรเดิม 2558 ปัจจุบัน อว.ได้ติดตาม ตรวจสอบ และกำกับมาตรฐานหลักสูตรและ ดูแลการดำเนินการของทั้ง 3 มหาวิทยาลัยอย่างใกล้ชิด ตามกฎหมายและอำนาจของ อว.ที่มี เพราะทราบว่าเป็นที่สนใจของสังคม หากพบอะไรผิดปกติ เราจะเข้าดำเนินการทันที

ขณะนี้ อว.กำลังจัดทำ กฎหมาย และระเบียบ เพื่อให้สามารถกำกับดูแล ตรวจสอบ มหาวิทยาลัยที่มีต่างชาติถือหุ้นให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง" นายศุภชัยกล่าว
 

หน้าแรก » การศึกษา