วันพฤหัสบดี ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 10:22 น.

การศึกษา

ชนชั้นกลาง ค้านเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย ห่วงใยวัฒนธรรมและสังคม

วันพุธ ที่ 07 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 06.25 น.

ชนชั้นกลาง ค้านเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย ห่วงใยวัฒนธรรมและสังคม

 

ชนชั้นกลางเมืองไทยกว่า 80% ค้านคาสิโนถูกกฎหมาย โดยผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นถึงการต่อต้านอย่างหนักแน่นของชนชั้นกลางในเขตเมืองของประเทศไทยต่อการทำให้คาสิโนถูกกฎหมาย โดยมากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน สะท้อนถึงความกังวลลึกซึ้งในเชิงวัฒนธรรมและจิตวิทยาต่อประเด็นดังกล่าว

 

การสำรวจนี้ดำเนินการโดยคณาจารย์จากวิทยาลัยผู้ประกอบการสร้างสรรค์นานาชาติรัตนโกสินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ นครราชสีมา และลพบุรี โดยเก็บรวบรวมแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง 420 ชุด ซึ่งประกอบด้วยข้าราชการ พนักงานบริษัท บุคลากรด้านการศึกษาและการแพทย์ รวมถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระ ส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอก

 

 

 

ผลการสำรวจเผยว่า มีเพียงร้อยละ 9.8 เท่านั้นที่สนับสนุนหรือสนับสนุนแบบมีเงื่อนไขต่อการทำให้คาสิโนถูกกฎหมาย ขณะที่ร้อยละ 6.0 มีท่าทีเป็นกลาง ผู้ที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการติดการพนัน ความปั่นป่วนทางสังคม การเสื่อมโทรมของสุขภาพจิต และผลกระทบเชิงลบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวและค่านิยมของเยาวชน นอกจากนี้ ความเชื่อทางศาสนายังเป็นปัจจัยสำคัญ โดยผู้ตอบแบบสอบถามบางส่วนมองว่าการส่งเสริมการพนันขัดต่อหลักศีลธรรมพื้นฐานของประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

 

การวิเคราะห์เชิงอารมณ์จากแบบสอบถามแสดงให้เห็นว่า อารมณ์ด้านลบ เช่น ความกังวล ความต่อต้าน และความกลัว เป็นอารมณ์ที่โดดเด่นในกลุ่มตัวอย่าง ในขณะที่อารมณ์เชิงบวกมีสัดส่วนน้อยอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่กลุ่มที่แสดงท่าทีเป็นกลางก็มีแนวโน้มทางอารมณ์เชิงลบ ซึ่งบ่งชี้ถึง "การคัดค้านโดยปริยาย"

 

ผลสำรวจยังพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญตามเพศและสถานภาพสมรส โดยผู้หญิง ผู้ที่แต่งงานแล้ว และกลุ่มวัยกลางคนมีแนวโน้มที่จะคัดค้านการทำให้คาสิโนถูกกฎหมายมากกว่า นอกจากนี้ ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ยังส่งผลต่อทัศนคติอย่างมาก โดยอัตราการคัดค้านเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อมีการสอบถามเกี่ยวกับการเปิดคาสิโนในกรุงเทพมหานคร

 

แม้รัฐบาลจะให้เหตุผลถึงรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำคาสิโนไปใช้ในการพัฒนาด้านการศึกษาและสาธารณสุข แต่ร้อยละ 64.3 ของผู้ตอบแบบสอบถามยังคงยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชนชั้นกลางส่วนใหญ่มองว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่สามารถทดแทนต้นทุนทางจริยธรรมและสังคมได้

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ดร. กำไล เลาหพัฒนาเลิศ ได้แสดงความเห็นว่า หากไม่สามารถควบคุมผลเสียจากการเปิดคาสิโนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจส่งผลกระทบต่อเยาวชนและสถาบันครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคม

 

จากผลการสำรวจนี้ ข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญคือ รัฐบาลควรพิจารณาถึงโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นหลักในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับคาสิโน และควรสนับสนุนการศึกษาและวิจัยอย่างรอบด้าน แทนที่จะมุ่งเน้นเพียงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือดำเนินการโดยปราศจากการควบคุม

 

บทสรุปจากการสำรวจชี้ให้เห็นว่า ชนชั้นกลางในประเทศไทยมีทัศนคติแบบอนุรักษนิยมเชิงเหตุผลที่ซับซ้อน โดยให้ความสำคัญกับการสืบทอดวัฒนธรรมและจริยธรรมทางสังคมมากกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ทัศนคตินี้เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับคาสิโนในอนาคตของไทย และยังเป็นมุมมองที่มีคุณค่าสำหรับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเผชิญกับประเด็นที่คล้ายคลึงกัน

 

ส่งข่าวได้ที่  email : saowaporn12345@gmail.com    และ  bat_mamsao@yahoo.com

 

หน้าแรก » การศึกษา