วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 06:25 น.

การศึกษา

มทร.สุวรรณภูมิ ร่วมปั้น “อยุธยาโมเดล” สู่ต้นแบบสังคมนวัตกรรม

วันพุธ ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 16.43 น.

มทร.สุวรรณภูมิ ร่วมปั้น “อยุธยาโมเดล” สู่ต้นแบบสังคมนวัตกรรม

 

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองมรดกโลกที่เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศไทย กำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งในบทบาทใหม่ ในฐานะ “ต้นแบบของการพัฒนาประเทศด้วยวัฒนธรรม เทคโนโลยี และนวัตกรรม” ภายใต้แนวคิด “Innovative Society” โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คณะผู้บริหารกระทรวง อว. นำโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ผู้แทนมหาวิทยาลัย ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้นำท้องถิ่น ได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการ “อววน.” หรือ การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเพื่อพื้นที่ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ต้นแบบที่รัฐบาลตั้งใจใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสังคมนวัตกรรมในระดับชุมชนอย่างแท้จริง

 

นายศุภชัย  ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของโครงการว่า กระทรวงมุ่งหวังจะเห็น องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับพื้นที่อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีทุนทางวัฒนธรรม วิถีชุมชน เกษตรกรรม และความหลากหลายทางศาสนา ที่สามารถต่อยอดเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้อย่างชัดเจน  หนึ่งในโครงการที่เป็นรูปธรรมคือ “แพะกรุงศรี Heart of Halal” ที่นำองค์ความรู้ด้านการผลิตและมาตรฐานฮาลาลมาผสานกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ตั้งแต่การเลี้ยงแพะ การแปรรูป การสร้างแบรนด์ ไปจนถึงการจัดการเรียนรู้ภายในชุมชน ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของท้องถิ่น จากทุนวัฒนธรรม สู่พลังเศรษฐกิจชุมชน

 

 

 

รองศาสตราจารย์ ดร.ประมุข  อุณหเลขกะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เบื้องหลังความสำเร็จนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ทำหน้าที่เป็น “อว.ส่วนหน้า” ที่ประจำการในพื้นที่ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนในฐานะ “พี่เลี้ยงระยะยาว” ไม่ใช่แค่ผู้ถ่ายทอดความรู้ แต่ร่วมคิด ร่วมออกแบบ และร่วมทำงานในทุกขั้นตอน โดยใช้การวิจัย เทคโนโลยี และการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทุนมนุษย์ของพื้นที่อย่างต่อเนื่อง  และในมุมมองของ ศาสตราจารย์พิเศษชัยสิทธิ์  ตราชูธรรม นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือนี้ไม่เพียงส่งผลต่อชุมชนเท่านั้น แต่ยังทำให้มหาวิทยาลัยเองก้าวไปอีกขั้น จากสถาบันการศึกษาสู่กลไกสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เกิดการเรียนรู้แบบสองทางที่ทั้งนักวิชาการและประชาชนในพื้นที่ต่างได้รับประโยชน์ร่วมกันเชื่อมภาครัฐ-ชุมชน สร้างเจ้าของร่วม

 

ด้าน ที่ปรึกษากระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า หัวใจสำคัญของความยั่งยืนคือการสร้าง “เจ้าของร่วม (Co-Ownership)” ผ่านโครงสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน โดยเฉพาะการเสริมพลังให้กับ “ผู้นำชุมชน” และ “กลุ่มอาชีพ” ให้สามารถเป็นผู้นำการพัฒนาได้ด้วยตนเอง

 

ในระยะยาว กระทรวง อว. ยังเตรียมเชื่อมโยงแผนกับหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานด้านแรงงาน เพื่อจัดตั้ง “Platform กลาง” ที่ทุกฝ่ายสามารถเข้ามาร่วมลงทุน ออกแบบ และวัดผลร่วมกัน ทำให้โครงการไม่ขึ้นกับงบประมาณรัฐเท่านั้น แต่มีความต่อเนื่องด้วยพลังในพื้นที่

 

ในขณะที่นายวัชระ  กระแสร์ฉัตร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เน้นย้ำว่า โครงการนี้เป็นตัวอย่างของการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ภาคประชาชนไม่ได้มีบทบาทเพียงผู้รับผลประโยชน์ แต่เป็น “ผู้ร่วมสร้าง” ตั้งแต่การตั้งโจทย์ไปจนถึงการขับเคลื่อนกิจกรรม เช่น กลุ่มเลี้ยงแพะฮาลาล กลุ่มผลิตสมุนไพร หรือกลุ่มครูชุมชนที่พัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัย ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงโมเดลใหม่ของการพัฒนาจังหวัด ที่ไม่ใช่เพียงการรับนโยบายจากส่วนกลางเท่านั้น แต่เป็นการ ร่วมออกแบบอนาคตร่วมกันกับภาควิชาการและประชาชน จากอยุธยา สู่โมเดลระดับชาติ กระทรวง อว. เตรียมนำผลลัพธ์จากการดำเนินงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปขยายผลในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การพัฒนาหลักสูตรอุดมศึกษาเพื่อท้องถิ่น หรือโมเดลเศรษฐกิจฮาลาลที่สามารถนำไปใช้ในพื้นที่มุสลิมอื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าผลักดันให้กลายเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติที่เกิดจากฐานราก ไม่ใช่เพียงนโยบายจากส่วนบน

 

นายศุภชัย  ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรี อว. สรุปว่า งานด้าน อววน. เป็น “กลไกกลางของการเปลี่ยนแปลง” ที่ทำให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้ากับโจทย์ของพื้นที่จริง เสริมพลังให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ สร้างเศรษฐกิจฐานราก และสร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัย “พระนครศรีอยุธยาในวันนี้ ไม่ได้เป็นแค่เมืองมรดกโลกในอดีต แต่กำลังกลายเป็นต้นแบบของเมืองนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยทุนวัฒนธรรม เทคโนโลยี และพลังของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง”

             

ส่งข่าวได้ที่  email : saowaporn12345@gmail.com    และ  bat_mamsao@yahoo.com

 

หน้าแรก » การศึกษา