วันพุธ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 05:27 น.

การศึกษา

 วิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการศึกษาภายใต้การนำของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และทีมรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ 

วันอังคาร ที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 11.30 น.

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การนำของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.)

ร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ โดยเน้นการสำรวจทิศทางการบริหารนโยบาย การมีปฏิสัมพันธ์กับระบบราชการ และการให้ความสำคัญกับบุคลากรทางการศึกษาในบริบทของการเมืองและสังคมไทยปัจจุบัน

บทนำ
การเปลี่ยนแปลงผู้นำในกระทรวงศึกษาธิการถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในทิศทางการพัฒนาการศึกษาไทยทุกยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้นำดังกล่าวมีบทบาททั้งในฐานะนักวิชาการ นักการเมือง และหัวหน้าพรรคการเมือง แนวทางการบริหารของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ สะท้อนวิธีคิดแบบมืออาชีพที่พยายามเชื่อมโยงนโยบายของรัฐเข้ากับการขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างโดยไม่ละเลยข้าราชการประจำซึ่งเป็นกลไกหลักในระบบราชการไทย

แนวคิดการบริหารแบบร่วมมือ ไม่ใช่สั่งการ
แนวทางการบริหารของศ.ดร.นฤมล มีลักษณะ "Non-Directive Leadership" ที่ไม่เน้นการสั่งการจากบนลงล่าง แต่ให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องทางนโยบาย โดยกล่าวอย่างชัดเจนว่า “ไม่อยากให้ใช้คำว่ามอบนโยบาย แต่เรามาคุยกัน” สะท้อนแนวคิดแบบมีส่วนร่วม (Participatory Management) ที่มุ่งเน้นการฟังเสียงของผู้บริหารในระดับกรมและเขตพื้นที่ รวมถึงการเคารพกระบวนการที่มีอยู่เดิม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพัฒนานโยบายที่ยั่งยืนตามแนวคิด Policy Continuity

ความเข้าใจในโครงสร้างระบบราชการ
ศ.ดร.นฤมล แสดงความเข้าใจต่อบทบาทของข้าราชการประจำ โดยแยกแยะอย่างชัดเจนระหว่าง "การเมือง" และ "ระบบราชการ" พร้อมยืนยันว่า “ฝ่ายการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ข้าราชการคือข้ารับใช้ของแผ่นดิน” แนวทางนี้ลดความตึงเครียดในองค์กร เพิ่มขวัญกำลังใจ และเปิดทางให้ฝ่ายปฏิบัติมีพื้นที่ในการพัฒนาแนวทางของตน โดยไม่ต้องกังวลถึงการเมืองภายในที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง

การให้ความสำคัญต่อครูและบุคลากรทางการศึกษา
หนึ่งในจุดเน้นสำคัญของนโยบายภายใต้คณะรัฐมนตรีชุดนี้ คือการดูแล "ครู" ในฐานะกลไกหลักของการผลิตคุณภาพเด็กไทย โดยมีการหารือถึงการลดภาระงานนอกเหนือการสอน การปรับระบบการประเมินวิทยฐานะ และการปรับหลักเกณฑ์โยกย้ายให้เป็นธรรมมากขึ้น สะท้อนแนวทางที่ยึดครูเป็นศูนย์กลาง (Teacher-Centered Policy) ซึ่งเชื่อมโยงกับทฤษฎี Empowerment Leadership ที่ส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดแรงจูงใจจากความยุติธรรมในระบบ

การบูรณาการหลักสูตรที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทย
ข้อเสนอให้พัฒนาหลักสูตรแกนกลางโดยเฉพาะในหมวดประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สะท้อนความพยายามในการเชื่อมโยงการศึกษากับความเป็นพลเมืองดี (Civic Education) โดยเฉพาะในบริบทการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ SDG4.7 ที่มุ่งให้การศึกษาส่งเสริมวัฒนธรรม สันติภาพ และอัตลักษณ์

มิติทางการเมือง: ความเชื่อมโยงกับพรรคกล้าธรรมและกลุ่มการเมืองอื่น
การเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการมีบุคคลในพรรคกล้าธรรมและกลุ่มการเมืองอื่นร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก ทั้ง ส.ส. และอดีตรัฐมนตรี สะท้อนภาพของการรวมพลังทางการเมืองที่หลากหลาย ซึ่งอาจเป็นจุดแข็งในการผลักดันนโยบาย แต่ก็ต้องระวังไม่ให้กลายเป็นจุดอ่อนหากมีการตีความว่าเป็นการเมืองนำการศึกษา

ข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนเชิงระบบ
สร้างกลไกการมีส่วนร่วมจากครูและนักเรียน ผ่านเวทีออนไลน์หรือเวิร์กช็อป เพื่อนำข้อเสนอเชิงปฏิบัติเข้าสู่นโยบาย

จัดตั้งคณะกรรมการติดตามนโยบายการศึกษาแบบบูรณาการ ที่มีตัวแทนจากหลายภาคส่วน รวมถึงเยาวชน

พัฒนาแบบเรียนและเนื้อหาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ให้เชื่อมโยงกับบริบทโลกและความท้าทายสมัยใหม่ เช่น Digital Citizenship, สิทธิมนุษยชน, หรือพลเมืองโลก (Global Citizenship)

พัฒนาแนวทางการลดภาระครูผ่านระบบเทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบรายงานผลและประเมินคุณภาพ

บทสรุป
แนวทางการบริหารของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และทีมรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สะท้อนภาพผู้นำที่เข้าใจบริบทของระบบราชการไทย มีเจตจำนงในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งในระดับนักเรียนและบุคลากรครู โดยไม่ตัดขาดจากรากฐานเดิม พร้อมทั้งมีจุดเน้นสำคัญในด้านจิตสำนึกความเป็นพลเมือง ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการฟื้นฟูคุณภาพการศึกษาไทยให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกโดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์ของตนเอง

 

หน้าแรก » การศึกษา