นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2568 เพื่อพิจารณาคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2567 ณ ศูนย์ประชุมกระทรวงวัฒนธรรม ชั้น 8 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฎ์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมและกรมส่งเสริมวัฒนธรรมเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง สำหรับการคัดเลือกจะแบ่งออกเป็น 4 สาขาหลัก ได้แก่ สาขาทัศนศิลป์ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม สาขาวรรณศิลป์ และสาขาศิลปะการแสดง และผู้ได้รับการคัดเลือกล้วนมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ อุทิศตนในการสร้างสรรค์และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านศิลปะแก่สังคมอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดำเนิน “โครงการยกย่องเชิดชูเกียรติทางวัฒนธรรม” เพื่อสรรหาและคัดเลือกผู้มีผลงานศิลปะชั้นเยี่ยม ซึ่งผู้ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติจะได้รับสวัสดิการ ได้แก่ ค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 25,000 บาทตลอดช่วงชีวิต ค่ารักษาพยาบาลตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลโดยอนุโลม โดยสามารถเบิกเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดได้ไม่เกินปีละ 100,000 บาท หากสิทธิจากหน่วยงานอื่นไม่ครอบคลุม นอกจากนี้ ยังได้รับเงินช่วยเหลือเมื่อประสบสาธารณภัย รายละไม่เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง ค่าของเยี่ยมในกรณีเจ็บป่วยหรือโอกาสสำคัญ รายละไม่เกิน 3,000 บาทต่อครั้ง เงินช่วยเหลือในการบำเพ็ญกุศลกรณีถึงแก่กรรม รายละ 20,000 บาท และค่าจัดทำหนังสือเผยแพร่ผลงานเมื่อถึงแก่กรรม รายละไม่เกิน 150,000 บาท

นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะจัดทำนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ประวัติและผลงานของศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2567 ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน และจะดำเนินการจัดทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสนำผู้ได้รับคัดเลือกและยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อรับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติ ตามวัน เวลา และโอกาสที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไป

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานแถลงข่าวการประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยมีรายชื่อศิลปินผู้ได้รับการยกย่องในสาขาต่าง ๆ อาทิ เรรัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ สาขาวรรณศิลป์