วันจันทร์ ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 08:10 น.

การศึกษา

บทบาทพระสงฆ์กลางไฟสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา

วันอาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 11.21 น.

สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะในจังหวัดตราดและพื้นที่ใกล้เคียง ได้นำไปสู่การปะทะด้วยอาวุธและการอพยพของประชาชนจำนวนมาก

สงครามชายแดนครั้งนี้มิได้ส่งผลกระทบเพียงด้านการทหารและความมั่นคงของรัฐเท่านั้น หากยังแผ่ขยายสู่ภาคประชาสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ตลอดจนบทบาทของพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้นำจิตวิญญาณในชุมชน ช่วงเวลาเช่นนี้จึงถือเป็นบททดสอบที่สำคัญต่อบทบาทของพระสงฆ์ในสถานการณ์วิกฤติ เพื่อทำหน้าที่ทั้งในด้านจิตใจ มนุษยธรรม และสันติภาพ

บทวิเคราะห์

1. พระสงฆ์ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ
ในภาวะที่ผู้คนต้องเผชิญความกลัว สูญเสีย และความไม่แน่นอนจากเสียงปืนและระเบิด พระสงฆ์ยังคงเป็นที่พึ่งสำคัญของชาวบ้านในการยึดเหนี่ยวจิตใจ การแสดงธรรม การทำวัตรสวดมนต์ หรือแม้แต่การให้กำลังใจผ่านการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย กลายเป็น "ธรรมโอสถ" ที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ของชาวบ้านในยามสงคราม ตัวอย่างเช่น กรณีของพระศักดาสุนทโร ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตราด ที่แม้จะต้องหลบกระสุน ก็ยังไม่ละทิ้งศรัทธาและบทบาทในการดูแลญาติโยม

2. พระสงฆ์ในฐานะผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรม
เมื่อประชาชนต้องอพยพหนีภัย พระสงฆ์หลายรูปได้ปรับบทบาทจากผู้นำศาสนาสู่ผู้จัดการภัยพิบัติ อาทิ การเปิดวัดเป็นที่พักพิง การระดมสิ่งของจำเป็น และการประสานความช่วยเหลือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและประชาชน สิ่งนี้สะท้อนถึงพุทธจริยาวัตรในการ “สงเคราะห์สัตว์” และเจตคติแห่งเมตตากรุณา

3. พระสงฆ์ในฐานะผู้ส่งเสริมสันติภาพ
แม้จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง แต่พระสงฆ์ยังสามารถสื่อสารข้อความสันติภาพเพื่อให้สังคมตระหนักถึงความสูญเสียจากสงคราม และกระตุ้นให้เกิดการใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา พระสงฆ์หลายรูปจึงได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น การจุดเทียนสวดมนต์ขอความสงบ หรือการออกแถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดยิง เพื่อปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ และอนุรักษ์ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาในระยะยาว

4. ความเสี่ยงและข้อจำกัดของพระสงฆ์ในภาวะสงคราม
แม้บทบาทของพระสงฆ์จะสำคัญ แต่ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงเช่นเดียวกับพลเรือนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากอาวุธ การจำกัดการเคลื่อนไหว รวมถึงการแทรกแซงของอำนาจรัฐหรือกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง ซึ่งอาจบิดเบือนบทบาทพระให้กลายเป็นเครื่องมือทางอุดมการณ์ นอกจากนี้ พระสงฆ์ยังไม่มีระบบสนับสนุนเฉพาะทาง เช่น หน่วยสงฆ์บรรเทาทุกข์หรือระบบอพยพสำหรับพระในภาวะวิกฤติ

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

จัดตั้งกลไกสงฆ์เพื่อสันติภาพ เช่น “เครือข่ายพระสงฆ์เพื่อสันติภาพชายแดน” ทำหน้าที่ประสานงาน พัฒนาองค์ความรู้ และเป็นสื่อกลางในการลดความรุนแรงในพื้นที่
ส่งเสริมการฝึกอบรมพระสงฆ์ด้านการจัดการภัยพิบัติและภาวะวิกฤติ เพื่อให้พระสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
สร้างพื้นที่ปลอดภัยทางศาสนา (Religious Safe Zone) ในบริเวณชายแดน เพื่อให้วัดสามารถเป็นศูนย์กลางทั้งทางจิตใจและมนุษยธรรมในสถานการณ์สงคราม
สนับสนุนการสื่อสารสันติภาพของพระสงฆ์ ผ่านสื่อสมัยใหม่ โดยไม่จำกัดเฉพาะบทเทศน์ในวัด แต่รวมถึงโซเชียลมีเดีย บทความ หรือวารสารเพื่อเผยแพร่แนวคิดสันติวิธี
ผลักดันนโยบายร่วมระหว่างไทย–กัมพูชา เพื่อใช้พระสงฆ์เป็นตัวกลางในการสานสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศาสนา ลดทอนอคติข้ามพรมแดน

ดังนั้น พระสงฆ์มิได้เป็นเพียงผู้สวดมนต์ในวัดหรือผู้นำพิธีกรรมเท่านั้น หากยังเป็นเสาหลักสำคัญของชุมชนในภาวะสงคราม บทบาทของพระสงฆ์ในความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นภาพสะท้อนของพุทธธรรมที่มีชีวิต มีพลัง และยังคงร่วมรับผิดชอบต่อความสงบสุขของสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนบทบาทนี้อย่างจริงจังจึงเป็นทั้งภารกิจของรัฐและหน้าที่ของประชาชนทุกคน

หน้าแรก » การศึกษา

ข่าวในหมวดการศึกษา