เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดยอาจารย์ทศพร จินดาวรรณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย บุญคงมาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาดา ศรีใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรวิไล อุ้ยดำรงธรรม และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูภณัช รัตนชัย พร้อมนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ลงพื้นที่จัดทำโครงการบริการวิชาการให้ความรู้กฎหมายและการจัดทำบริการสาธารณะ : กิจกรรมเสวนาการขอใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีวิทยากรจากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่11 (สุราษฎร์ธานี) ได้แก่ นายจารุวัฒ เต็มไพโรจน์ นิติกรชำนาญการ นางสาวสุภาพรรณ พุ่มจันทร์ นักวิชาการป่าไม้ ชำนาญการ และนายนฤเบศ มาสิงห์ พนักงานพิทักษ์ป่า โดยมี ดร.ธนสาร เดชนะ (นักวิชาการอิสระ) ร่วมเก็บข้อมูล
    
การจัดโครงการครั้งนี้ทำพิธีเปิด โดยนายอำนาจ สุวรรณชาตรี ปลัดอำเภออาวุโส อำเภอวิภาวดี กล่าวรายงานโดยนายธีรพล ขวัญพิชิต นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะกุกเหนือ กล่าวต้อนรับโดยนายพิทักษ์ จันทร์คง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะกุกใต้ บรรยากาศในการบรรยายเป็นไปด้วยความเป็นกันเอง ทำให้ผู้นำชุมชนและพี่น้องชาว ตลอดถึงนักศึกษาได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน สร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่11 (สุราษฎร์ธานี) กับองค์การบริหารส่วนตำบลในการขอใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นอย่างดียิ่ง
    
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูภณัช รัตนชัย ได้กล่าวประชาสัมพันธ์ให้ผู้นำชุมชนทุกฝ่ายได้ทราบถึงพันธกิจของมหาวิทยาลัยที่มีต่อชุมชน ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ได้กำหนดภาระหน้าที่เอาไว้ จึงต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระกิจที่ลุล่วงไปแล้ว เช่น การขอขยายเขตไฟฟ้าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ม.7 ต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งต้องอาศัยหลายส่วนเข้าผลักดัน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลปากหมาก อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การแก้ไขปัญหาไฟฟ้าตก การช่วยเหลือวัดสำนักไฟ ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ให้สามารถออกโฉนดได้ เป็นต้น
    
อาจารย์ทศพร จินดาวรรณ และผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย บุญคงมาก ได้ร่วมกันสรุปปัญหาทั้งหมดในวันนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความเข้าใจ เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่มีการบังคับใช้หลายฉบับ และได้กล่าวขอบคุณวิทยากรทั้ง 3 ท่าน ที่อุทิศเวลามาเพื่อสร้างความเข้าใจในการขอใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในวันนี้
    
ดร.ธนสาร เดชนะ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ชุมชนต้องเข้มแข็ง ต้องพึ่งพาตนเองให้ได้ กรณีในการร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐ ชุมชนสามารถร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อประสานงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ตามประสบการณ์ที่เห็นมาและสำเร็จมาแล้ว โดยต้องเริ่มที่ชุมชนเป็นหลักเริ่มต้น ในทำนองว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน งานจึงสำเร็จ