ยูนิเซฟจะจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเด็กและความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง

สภาพภูมิอากาศในประเทศไทย และรวมสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากองค์การยูนิเซฟเข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศของยูนิเซฟด้านเด็กและความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2569

ศูนย์ความเป็นเลิศฯ ที่กรุงเทพฯ แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศระดับโลกของยูนิเซฟ ซึ่งจะให้การสนับสนุนความเชี่ยวชาญทางเทคนิค การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการให้ความสนับสนุนเชิงนโยบาย เพื่อเสริมสร้างการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเพื่อให้มั่นใจว่าสิทธิเด็กจะเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนงานด้านสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค

นายโอมาร์ อับดิ รองผู้อำนวยการบริหาร องค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า “การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศฯ ที่กรุงเทพฯ สะท้อนความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการส่งเสริมสิทธิเด็ก ไม่เฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ศูนย์แห่งนี้จะมุ่งเน้นการดำเนินการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน โดยเด็กเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดจากผลกระทบ และเด็กในภูมิภาคนี้ได้รับผลดังกล่าวที่ไม่ได้สัดส่วนมากที่สุด ในขณะที่เด็กคือพลังสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน”

ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่นี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในความเป็นหุ้นส่วนอันยาวนานและความเชื่อมั่นระหว่างประเทศไทยและองค์การยูนิเซฟตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ยูนิเซฟเริ่มดำเนินงานในประเทศไทยเมื่อปี 2491 ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันส่งเสริมสิทธิและความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กทุกคน ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าที่สำคัญในด้านสุขภาพ การศึกษา การคุ้มครองเด็ก และการคุ้มครองทางสังคม

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของยูนิเซฟ (UNICEF East Asia and the Pacific Regional Office - EAPRO) และตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2569 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (UNICEF Asia and Pacific Regional Office -APRO) ซึ่งเป็นการรวมสำนักงานภูมิภาคของยูนิเซฟ โดยจะครอบคลุมการทำงานใน 36 ประเทศ และ 1 เขตแดน ผ่านการกำกับดูแลสำนักงานประเทศของยูนิเซฟจำนวน 22 แห่ง

นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า "รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีการก่อตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเด็กและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธกิจสำคัญร่วมกันของประเทศไทยและยูนิเซฟต่อชีวิตของเยาวชนหลายล้านคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบน้อยที่สุดต่อสาเหตุของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่กลับต้องเป็นคนที่จะเผชิญกับผลกระทบมากที่สุด” และ “การให้ความสำคัญและมีเด็กเป็นศูนย์กลางในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต เพื่อคุ้มครองสุขภาพ การศึกษา และสิทธิที่จะได้มีการเติบโตก้าวหน้าอย่างเต็มศักยภาพของเด็ก ๆ จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดในอัตราที่เร็วและรุนแรงมากขึ้น”

ปัจจุบัน เด็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศมากกว่ารุ่นปู่ย่าตายายถึง 6 เท่า โดยความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในมิติของความถี่และความรุนแรง ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ และมีความยั่งยืน