วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 05:32 น.

การศึกษา

"รมว.สุรศักดิ์" มอบอุปกรณ์การแพทย์ภาคสนาม ให้แก่กองทัพภาคที่ 2  ประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล

วันศุกร์ ที่ 07 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 18.31 น.

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ภาคสนามที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) (สซ.) ให้แก่กองทัพภาคที่ 2 ประกอบด้วย สายรัดห้ามเลือดแบบก้านหมุน (Tourniquet) จำนวน 1,000 ชุด และ เฝือกอ่อน (Splint) จำนวน 500 ชุด รวม 1,500 ชุด เพื่อใช้ในราชการสนาม ลดการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณชายแดนจากภาวะเลือดออกรุนแรงและกระดูกหัก โดยมี พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ และมี น.ส.พิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการ รมว.กระทรวง อว. , น.ส.วราภรณ์ รุ่งตระการ รองปลัดกระทรวง อว., ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผอ.สซ., ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว., ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผอ.สวทช. และพลตรี ณรงค์ ภักดีศุภผล ผอ.โรงพยาบาลค่ายสุรนารี เข้าร่วม ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ
 
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า อุปกรณ์การแพทย์ภาคสนามเป็นผลงานจากความร่วมมือระหว่าง สซ. และโรงพยาบาลค่ายสุรนารี โดยนำนวัตกรรมทางวัสดุศาสตร์ของซินโครตรอนมาประยุกต์ใช้ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล แต่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าการนำเข้ากว่าครึ่ง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการต่อยอดงานวิจัยไทยสู่การใช้งานจริง เพื่อประโยชน์ของประเทศ โดยสายรัดห้ามเลือดแบบก้านหมุน (Combat Application Tourniquet: CAT) ออกแบบมาเพื่อควบคุมภาวะเลือดออกรุนแรงบริเวณแขนหรือขา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในสนามรบ ผลการทดสอบพบว่าสามารถสร้างแรงกดได้คงที่และต่อเนื่องนาน 5–6 ชั่วโมงโดยไม่คลายตัว ส่วนเฝือกอ่อน (Splint) ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์ผ่านกระบวนการอบอ่อน (Annealing) ด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง ดัดเข้ากับสรีระได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังเป็นวัสดุโปร่งแสงรังสี (Radiolucent) ช่วยให้สามารถเอกซเรย์ผู้บาดเจ็บได้โดยไม่ต้องถอดเฝือก

“ถ้าประเทศเราไม่มีงานวิจัยที่ทำขึ้นเอง ยามวิกฤตต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ งานวิจัยที่เราผลิตขึ้นเองจะทำให้ประเทศมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายต่อไป กระทรวง อว. จะสนับสนุนให้ทหารมีอุปกรณ์เหล่านี้ใช้ครบทุกคน เพื่อให้เป็นอุปกรณ์ประจำกายที่ทหารทุกคนจะต้องมีใช้” นายสุรศักดิ์ กล่าวและว่า
 
นอกจากการมอบสิ่งของสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 แล้ว ตนและแม่ทัพภาคที่ 2 ยังมีการพูดคุยถึงการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการสนับสนุนของกระทรวง อว. ที่มีต่อกองทัพ เพราะภัยความมั่นคงเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้แถลงต่อรัฐสภา และเป็นนโยบายที่ตนในฐานะ รมว.อว. ได้นำมาขับเคลื่อน โดยระดมองคาพยพของกระทรวง อว. ที่มีทั้งนักวิชาการ งานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาสนับสนุนการทำงานของกองทัพ เพื่อป้องกันภัยความมั่นคงให้กับประเทศ ที่สำคัญในเรื่องที่กองทัพภาคที่ 2 ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการวิจัยเพื่อพัฒนายุทโธปกรณ์และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงจากกองทุน ววน. ซึ่งกระทรวง อว. ได้นำเรื่องนี้เข้าหารือในสภานโยบาย อววน. ซึ่งต้องมีการปลดล็อก แก้ไขกฎระเบียบ เพราะเดิมการขอทุนวิจัยต้องเป็นการใช้กับภาคประชาชนเป็นหลัก ยังไม่ได้เปิดช่องให้กองทัพเข้ามาขอได้โดยตรง และล่าสุดสภานโยบายฯ ได้มีมติให้กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหนึ่งที่จะสามารถทำเรื่องของบวิจัยได้โดยตรง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการออกประกาศ นั่นหมายความว่ากองทัพต่าง ๆ ของกระะทรวงกลาโหมจะสามารถขอเงินทุนวิจัยเพื่อพัฒนายุทโธปกรณ์และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงโดยตรงได้ง่ายขึ้นและตรงด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างสองกระทรวง เพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมและพัฒนาการวิจัยด้านยุทโธปกรณ์ต่อไป
 
 

หน้าแรก » การศึกษา