วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 09.16 น.
มหิดล –อย. ผนึกกำลัง หวังปั้น Health & Wellness Hub แห่งภูมิภาค
มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผนึกกำลังเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญเพื่อการขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพไทย รุกยกระดับขีดความสามารถผลิตอาหาร อาหารเสริม ยา สมุนไพรและเครื่องสำอางสู่มาตรฐานสากล หวังสร้างความมั่นคงทางสุขภาพควบคู่กับการลดการพึ่งพาการนำเข้า พร้อมปักหมุดประเทศไทยสู่การ เป็นผู้นำด้าน Health & Wellness Economy ของภูมิภาคอย่างยั่งยืน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ และรองศาสตราจารย์ เภสัชกรสุรกิจ นาฑีสุวรรณ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ ให้การต้อนรับ เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วยผู้บริหาร และผู้แทน ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมศักยภาพสถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งการเยี่ยมชมครั้งนี้ครอบคลุมสถานที่ผลิตอาหาร อาหารเสริม ยา สมุนไพร และเครื่องสำอางของมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และการหารือแนวทางความร่วมมือในการยกระดับระบบนิเวศของการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศ
.jpg)
ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มุ่งขับเคลื่อนบทบาทการกำกับดูแลด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพให้สอดรับกับทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่คุ้มครองผู้บริโภคและเอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมอย่างสมดุล ขณะที่ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะสถาบันการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ชั้นนำ มุ่งมั่นที่จะเป็นกลไกสำคัญในการเติมเต็มและขับเคลื่อนระบบนิเวศนี้ เพื่อดูแลสุขภาพประชากรตลอดช่วงอายุ และสร้าง Wellness Economy ให้เป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดการสร้างสถานที่ผลิตอาหาร อาหารเสริม ยา สมุนไพรและเครื่องสำอางในการยกระดับระบบนิเวศน์ของการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทย ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานที่อย.กำหนด ได้แก่ โรงงานอาหารทางการแพทย์ ภายใต้การดูแลของสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
โรงงานอาหารทางการแพทย์:ปลดล็อค “คอขวด”อุตสาหกรรมไทย - สำหรับโรงงานอาหารทางการแพทย์ ภายใต้การดูแลของสถาบันโภชนาการ ซึ่ง รองศาสตราจารย์ ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้มีเป้าหมายตอบโจทย์ที่เป็น "คอขวด" ของการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย คือการผลิตในสเกลที่สามารถยกระดับไปสู่ระดับอุตสาหกรรมได้จริง (Pilot Scale) โดยมีกระบวนการใกล้เคียงระดับอุตสาหกรรมแต่รองรับการผลิตในปริมาณต่ำ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบฟังก์ชันที่มีสารสำคัญราคาสูง โดยโรงงานอาหารทางการแพทย์ แบ่งย่อยออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ 1)โรงงานอาหารเหลว ระบบ UHT (Ultra-High Temperature) แบบบรรจุขวด และ2) โรงงานอาหารผง ซึ่งมีเครื่องฆ่าเชื้อระบบไอน้ำความดันสูง (Direct steam) ที่สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัย ในการผลิตอาหารผงต่างๆ รวมทั้งเครื่องเทศ สมุนไพร ในรูปแบบ ซอง เม็ดและแคปซูล โรงงานทั้งสองแห่งมุ่งเน้นการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในการผลิตอาหารฟังก์ชัน และสำหรับผลิตอาหารทางการแพทย์ชนิดเหลวและผง เช่น อาหารทางสำหรับผู้ป่วยโรคหายาก สารเสริมโภชนาการน้ำนมแม่(Human Milk Fortifier) สำหรับเด็กน้ำหนักตัวต่ำกว่าปกติมาก เป็นต้น
PhartomTOP: ศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านยาและสมุนไพรมาตรฐานสากล - ในส่วนของผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร รองศาสตราจารย์ เภสัชกรสุรกิจ นาทีสุวรรณ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเสนอศักยภาพของอาคารอาคารศูนย์ฝึกปฏิบัติเพื่อความเป็นเลิศด้านผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร PharmTOP (Center of Excellence in Industrial Pharmacy for Training, Operation and Production) ซึ่งเป็นโรงงานความสูง 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 10,000 ตารางเมตร ออกแบบตามมาตรฐาน GMP/PIC-S เพื่อรองรับการผลิตยา สมุนไพร และเครื่องสำอางในระดับ Medium Scale
รองศาสตราจารย์ เภสัชกรสุรกิจ กล่าวว่า PharmTOP มีพันธกิจสำคัญในการเป็นแหล่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากงานวิจัยเพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตที่ตอบสนองความต้องการของทั้งภาครัฐและเอกชนที่มองหาสถานที่ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือทางวิชาการ นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเภสัชกรรมอุตสาหการ และเป็นแหล่งผลิตยาที่จำเป็นต่อความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ เช่น ยากำพร้า ยากลุ่ม extemporaneous compounding ยาที่ขาดแคลน และยาที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน
“PharmTOP เป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มองหาสถานที่ผลิตที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือทางวิชาการ และยังมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานยังมีบทบาทในการเป็นแหล่งผลิตยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกี่ยวข้องตามความต้องการของประเทศ อาทิ ยากำพร้า ยากลุ่ม extemporaneous compounding ยาที่ขาดแคลน และยาที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน และตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองของระบบยาในประเทศไทย”คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวในที่สุด
ยุทธศาสตร์ความร่วมมือเพื่ออนาคต - การพบกันระหว่างสององค์กรหลักด้านสุขภาพของประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่มุ่งตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยบูรณาการบทบาทของสถาบันการศึกษา หน่วยงานกำกับดูแล และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยให้มีความเข้มแข็ง ทันสมัย และได้มาตรฐานสากล อันจะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ และผลักดันอุตสาหกรรมสุขภาพให้เติบโตเป็นกลไกเศรษฐกิจใหม่อย่างยั่งยืน
ส่งข่าวได้ที่ email : saowaporn12345@gmail.com และ bat_mamsao@yahoo.com