วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568 22:36 น.

บันเทิง

“หญิง รฐา” เล่านาทีเจอเนื้องอก 6 ซม. และเกือบเสียคนรัก “ตุลย์” กลางเขาเพราะภาวะกล้ามเนื้อสลาย!

วันอาทิตย์ ที่ 07 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.50 น.

ทุกคู่รักมีจุดเปลี่ยน “หญิง รฐา – ตุลย์ ตุลยเทพ” กับเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ตระหนักว่าชีวิตสำคัญกว่าเวลา สุขภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ เริ่มจากตรวจพบเนื้องอก 6 ซม.ที่โตขึ้นเรื่อยๆ และสัญญาณอันตรายอุบัติเหตุกล้ามเนื้อสลายของแฟนหนุ่ม คือเหตุการณ์จริงที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจรักชีวิตใหม่แบบจริงจังที่สุด ด้วยวิธีดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ในรายการ Glow On  

จุดเปลี่ยนในการหันมารักสุขภาพแบบเต็มที่จริง ๆ แรงบันดาลใจคืออะไร ?

หญิง รฐา : ตั้งแต่เข้าวงการมาจนถึงปัจจุบัน ก็มีเรื่องของการออกกำลังกายในเรื่องของการเต้นหรืออะไรมาตลอด หมายถึงช่วงสักประมาณ 15 ปีในวงการที่เรายังต้องเต้นยังต้องออกกำลัง มีบางช่วงที่ไปเข้าฟิตเนสบ้าง ไปปั่นจักรยานอะไรตามเทรนด์ทั่วไปในยุคนั้นก็ทำมาหมด จนกระทั่งเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้วได้มารู้จักกับพี่ตุลย์ จริง ๆ รู้จักกันมา 15 ปีแล้ว แต่ว่า 8 ปีที่แล้ว เป็น Timing ที่ได้กลับมาคุยกันจริง ๆ ในฐานะแฟน เขาก็เหมือนเห็นเราออกกำลังกายแบบในยิมในอะไรเยอะ ก็รู้สึกว่าเราโดนแดดน้อย เขารู้สึกว่าเราน่าจะต้องออกกำลังกายที่ไปเจอแดดไปคาร์ดิโอ ไปช่วยในเรื่องของหัวใจ เรื่องของการเต้นกับการวิ่งหรือการทำให้มันต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 40 นาทีแบบไม่หยุด ทำให้หัวใจเราแข็งแรงขึ้นนะ เราก็เริ่มมาสนใจเรื่องของการวิ่งก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่พาเราเข้าวงการนี้ คบกันมาได้สัก 3 ปี แม่น้อยก็อยากให้เราฝากไข่ ก็ไปเข้า process ของการฝากไข่ก็บังเอิญว่าได้เจอเนื้องอก แต่ว่าเนื้องอกไม่ได้อยู่ในมดลูก เนื้องอกมีฐานอยู่ในมดลูก แต่ตัวเนื้องอกที่งอกออกมาดันลำไส้ข้างนอก ตอนนั้นไซส์มันประมาณ 6 ซม. ได้

6 ซม. ไม่เล็กนะ ?

หญิง รฐา : ตอนแรกก็คิดว่าจะผ่าเลยดีไหม แต่ในมุมของพี่ตุลย์เขาก็รู้สึกว่าการผ่าน่าจะเป็น ทางเลือกสุดท้าย เราลองใช้ชีวิต หาวิธีการทำให้มันหยุดโต หรือทำให้มันเล็กลงด้วยการใช้ชีวิตก่อนไหม ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้เริ่มมาสนใจในเรื่องของการออกกำลังกาย การทาน การควบคุมไขมัน เพราะว่าเราตรวจสุขภาพทุกปี ไขมันพี่สูงทุกปี ทั้ง ๆ ที่น้ำหนักบางทีบางปีก็ผอมกว่าเดิม ก็เลยรู้สึกว่าอันนี้มันน่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพภายในที่อาจจะต้องมาดูแลอย่างจริงจัง มันก็เลยเป็นจุดที่เริ่มรู้สึกกลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของการอยากออกกำลังเพื่ออยากให้ดูดีก็มา concentrate ในเรื่องของออกแล้วมันเป็นยังไง คาร์ดิโอกี่วัน แล้วควรจะมีในวันที่เรา recovery กี่วัน ในเวลาเดียวกันเราควรจะมีการออกกำลังกายที่ช่วยในเรื่องของฮอร์โมนและความรู้สึกไหม เพราะว่าความเครียดเป็นจุดเริ่มต้นเหมือนกัน ในเรื่องของการที่ทำให้เซลล์เราไปเติบโตผิดที่ ก็คือเหมือนกับทำให้เราอาจจะเป็นต้นเหตุของการมีเนื้องอก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในวัยเด็ก เราเครียดจริง ๆ หมายถึงทำงานมาเยอะมากจริง ๆ ก็อาจจะมีบางบางช่วงเวลาที่จะไปทำให้เซลล์เราเติบโตผิดรูปแบบเกินไป เพราะความเครียดมันมีผลอยู่แล้ว แต่ว่าก็มี goal ว่าถ้าวันหนึ่งมันโตมากจริง ๆ เหมือนร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นสมองหรือว่าบริเวณอุ้งเชิงกรานของเรา มันก็จะมี place ที่มันสามารถมี pressure อยู่ได้ประมาณหนึ่ง การที่เรามีเนื้องอกในบริเวณนั้นมันโตขึ้น มันทำให้ pressure ความดันบริเวณนั้นมันก็เปลี่ยนแปลงไป ก็แค่เหมือนมอนิเตอร์ดูแล้ว ถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกว่าต้องเอาออกก็คงผ่าเหมือนกัน แต่ว่า ณ วันนี้ก็ยังอยากลองวิธีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก่อน

ความรู้สึกตอนที่ตรวจเจอเป็นยังไง ?

หญิง รฐา : คิดมากอยู่แล้ว คือเป็นคนคิดเยอะ เป็นคนกลัว กังวล เครียด แต่ยิ่งเครียดมันก็ยิ่งไปโฟกัส ยิ่งเราไปโฟกัสมันเอาจริง ๆ มันโตขึ้นจริง ๆ นะ ปีแรกที่เจอพอ 2-3 ปีนั้นก็คือมันทำให้มีภาวะของความเครียด หรือการนอนไม่ดีขึ้นมาเลย แล้วพี่ก็อยู่กับมัน กับความรู้สึกนี้เป็นปีเลย ปี 2 ปีเลยที่รู้สึกว่าแบบเครียดอยู่กับมัน แล้วมันก็โตขึ้นมันไม่เล็กลง มันก็เพิ่มไซส์เป็น 7 ซม. 8 ซม. 9 ซม. จนตอนนี้ติดอันดับ 10 กว่า แต่ก็ยังคงที่มาประมาณปีหนึ่งแล้ว ปี 2 ปีคงที่ขึ้นเพราะว่าพี่ว่าพี่เริ่มไม่ใส่ใจ  เริ่มรู้สึกว่าอันนี้คิดเองเลยนะว่า ก็ขนาดนมเราผ่ามาอยู่ตรงนี้ ใหญ่กว่ามันอีก เรายังเอาของที่แปลกปลอมเข้ามาในร่างกายเลย สิ่งนี้มันเป็นของที่ที่เราเรียนแอนไทซ์ อาจารย์มาศบอกว่าจริง ๆ แล้วร่างกายเราป้องกัน คือสร้างเนื้องอกมา คือพยายามมองในด้าน positive ว่าป้องกัน ว่าเนื้องอกตรงนี้มาห่อหุ้มและดูแล ให้เหมือนเป็นอีกออร์แกน (Organ) หนึ่งในร่างกาย เพียงแต่ว่าถ้าวันหนึ่งมัน disturb จริง ๆ อย่างคุณหมอที่พี่มอนิเตอร์ ว่ามีเรื่องของเพราะมันเป็นดันลำไส้ การขับถ่ายไม่ดีหรือเปล่า ถ่ายไม่ออกหรือเปล่า หรือว่ามีในเรื่องของการปวดหรือเปล่า ซึ่งของพี่มันไม่ได้มีเรื่องของการปวด ไม่ได้มีเรื่องของประจำเดือนก็ปกติ ฮอร์โมนทุกอย่างปกติ ไม่ได้สวิงตรวจฮอร์โมนทุกอย่างแล้ว ก็เลยคิดว่าถ้าวันหนึ่งมันถึงวัยที่ฮอร์โมนมันจะน้อยลงไปเอง หมายถึงว่าฮอร์โมนเพศหญิงมันจะน้อยลงไปเอง เพราะพี่ก็ 42 แล้ว เลยคิดว่าจะรอให้ถึงช่วงที่ฮอร์โมนเพศมันน้อยลงแล้ว ดูว่า sizing มันเล็กลงไหม แต่มันคงไม่ได้เล็กลงแบบอะไรขนาดนั้น แต่ว่ามันคงเล็กลง แล้วค่อยผ่าตอนนั้นก็ได้

พี่ตุลย์ ตอนที่รู้ว่า พี่หญิง มีเนื้องอกตอนนั้นตกใจไหม ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : ไม่ตกใจครับ เคยอ่านมาว่าเนื้องอกกับผู้หญิงเป็นเหมือนเป็นสิ่งที่ปกติ คือเรียกว่าผู้หญิงหลายคนจะมีเนื้องอก ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่ได้เป็นอันตราย แล้วก็อยู่ที่ว่าแต่ละคนก็คือ บางคนอาจจะเลือกปล่อยไว้ บางคนอาจจะผ่า บางคนอาจจะรอมีลูกก่อนแล้วผ่าพร้อมลูก ก็พยายามบอกคุยกับเขาบอกว่า ก็เดี๋ยวเรารอดู เราดูอาการเขาก่อนแล้วกันว่าเขาจะเป็นยังไง

ยิ่งดึงมาสายสุขภาพหนักเลยไหม ?

หญิง รฐา : โดยประมาณเป็นคนนอนเร็วเพราะว่า จริง ๆ เรื่อง Circadian rhythm ที่เรามาเรียนกันปีที่แล้ว พี่รู้จากพี่ตุลย์มาตั้งแต่ตอนคบเขาปีแรก ๆ เลย เรายังไม่ได้รู้ตามแบบว่า Anti Aging Bible ว่าจะยังไง เขาเป็นคนที่พูดกับพี่อย่างเสมอเลยว่า ยูต้องออกไปตากแดดนะ ต้องไปเอาวิตามินดีนะ แล้วก็ต้องไป Grounding นะคือเป็นคนแรก ๆ คือพี่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่คบพี่ตุลย์ปี 2017 นี่ก็จะเข้า 8 ปี 9 ปีแล้วที่รู้เรื่องนี้มา แล้วเขาเป็นคนแรก ๆ เลยที่พูดเรื่องนี้กับพี่ ซึ่งพี่เพิ่งมาเรียน Anti ปี 2024 2025 มันก็เลยทำให้พี่ชอบที่จะออกกำลังกายแบบเจอแดด และก็ชอบที่จะอาบน้ำเย็นตอนเช้า เขาก็พยายามให้เราเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วมนุษย์มันมีอะไรที่สามารถทำได้มากกว่าแค่ออกกำลังกายอยู่ในยิม จริง ๆ การเดิน การวิ่ง เพราะว่ามนุษย์เราตอนแรกถ้าย้อนกลับไปยุคหินเลย เราถูกสร้างมาเพื่อ movement ถูกสร้างมาเพื่อเดินไปหาอาหาร วิ่งไปหาอาหาร ล่าสัตว์ อันนี้คือเนเจอร์ของมนุษย์หรือคนที่เกิดขึ้นมา เพียงแต่ว่าพอยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เราถูกตีกรอบว่าด้วยวิวัฒนาการในโลกใบนี้ มันทำให้ความสามารถขีดจำกัดของเรามันน้อยลงไปเอง และเราก็เข้าใจว่าสิ่งนี้มันคือสิ่งที่ถูกต้อง ที่อำนวยความสะดวกให้เรา มันไม่ผิดนะ แต่ว่าหญิงก็แค่รู้สึกว่าพี่ตุลย์จะเป็นคนพูดแรก ๆ เลยว่าก็แค่กลับมาใช้ชีวิตให้เหมือนมนุษย์ยุคหินมากที่สุด เอาจริง ๆ Grounding มันแค่แบบหลังจากวิ่งบนหญ้า ซัก 10 นาที 5 นาทีก็ได้ทุกวัน ทำให้ได้ทุกวัน เพื่อที่เราจะได้รับอิเล็กตรอนพลังงานอิเล็กตรอนจากโลก

อยากให้ พี่ตุลย์ แชร์เรื่องสุขภาพของตัวเอง ทำไมถึงชอบออกกำลังกายมากแบบสุด ๆ เลย ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : มันเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้น อายุของพี่ตอนนั้นก็คือเรียกว่าเป็น Midlife crisisของถ้าในกีฬาไม่ว่าจะเป็นวิ่ง หรือไตรกีฬาอะไรพวกนี้ ถ้าเราไปดูอายุของผู้สมัครที่มาวิ่ง มันจะเป็น Bell curve อันนี้ก็คือแบบเด็ก19 20 30 40 50 มันจะมาเบลตรงสูงสุดประมาณ 30 40 ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่เหมือนคนจะออกกำลังกายเยอะที่สุด มันน่าจะมีสาเหตุว่า 1 เขาอาจจะเป็น Financial Stable แล้ว คือมีงานทำมีเงินเดือนก็เลยมีเวลามาใช้ชีวิต ซึ่งในช่วง 20 กว่าจะต้อง First jobber เพิ่งเรียนจบก็ต้องไปทำงานหาเงินไม่มีเวลา 40-50 บางคนอาจจะด้วยสุขภาพอาจจะไม่ไหวแล้ว ก็เลยไม่ได้เป็นช่วงที่แบบสูงสุด ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็คือเป็นช่วงที่เริ่ม ตอนนั้นก็ทำงานมาสักพักหนึ่งแล้วก็ออกกำลังกายโดยการเข้ายิม ก็เล่นแบบเป็นยกเวท คาร์ดิโอนิดหน่อย ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกว่าทำไมออกกำลังกายแล้วน้ำหนักมันไม่ลด ก็คือตัวหนา ยิ่งแบบไม่ลดน้ำหนักยกเวทตัวมันยิ่งหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนพี่มีเพื่อนสวนกุหลาบ มันก็จะมีในกลุ่มใน Facebook ที่เป็นกลุ่มออกกำลังกาย ก็จะเป็นแก๊งวิ่ง แก๊งไตรกีฬา แล้วก็ไปออกกำลัง ไปแข่งมาแล้วก็ลงรูป พี่ก็เอออันนี้ก็น่าสนใจนะ หรือว่าเราอยากลองไปเจอเพื่อน ไปออกกำลังกายอย่างนี้บ้าง

หญิง รฐา : เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำอยู่แล้ว เขาก็จะเหลือแค่วิ่งกับปั่นที่ต้องมาซ้อมเพิ่ม

ตุลย์ ตุลยเทพ : ตอนนั้นเริ่มคือเริ่มไตรกีฬาเลย ไม่ได้เริ่มวิ่ง

อะไรที่ทำให้เราชอบที่สุดแล้วรู้สึกว่าตกตะกอนกับกีฬาอะไรที่สุด ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : เรียกว่าไม่มีอันไหนที่ชอบที่สุดเพราะว่าหลาย ๆ อย่างมันก็เน้นแบบทักษะความสนุกคนละแบบ ก็เลยชอบเล่นหลาย ๆ อย่าง ไปเล่นนู่นเล่นนี่ทุกอย่าง คือเป็นคนชอบความท้าทาย ในกีฬาอันหนึ่งมันก็จะมีความท้าทาย สมมุติยกตัวอย่าง อย่างวิ่งเวลาเริ่ม คนก็จะเริ่มที่แบบวิ่ง 5 กม. 5 k 10 k จนพอวิ่งได้ก็จะไปวิ่ง half marathon 21 ไปมาราธอน ไปปอัลตร้าอะไรพวกนี้ ซึ่งมันก็เป็น step ที่ทำไปเรื่อย ๆ

เคยมีเรื่องเจ็บตัวมาด้วยใช่ไหม ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : ใช่

อยากรู้ว่า ณ จุดนั้นที่ตอนพี่หญิงเล่าเรื่องนี้น้ำตาคลอเลย อยากให้แชร์หน่อยในมุมนั้นถึงความสุดขีดของเรา ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : เป็นที่สุดของประสบการณ์ในการวิ่งตอนนั้น คือไปวิ่งเทรลที่มองบลังค์ (Mont Blanc) ก็คือรายการ UTMB แต่ว่าระยะUTMB เขาจะมีหลายระยะปี 2019 ตอนนั้นไปวิ่งระยะ 171 กม. แต่ตอนนั้นไปวิ่งแล้วก็ไม่จบ วิ่งได้ 100 กม. ก็คือไม่ทันเวลา ก็คือเลิกอตอนนั้น 24 ชม. ครึ่งมั้ง

หญิง รฐา : ปีนั้นไม่เป็นไร แค่แบบเข้า cut off ไม่ทันมันก็จะมี timing ที่แบบว่าเข้าที่ 100 กม.ต้องเวลาเท่านี้นะ ออกไปเข้าที่ check point ต่อไปต้องอะไรอย่างนี้ จบที่ปีนั้นก็โอเค ไม่เป็นไร วันนั้นปีนั้นไม่เจ็บตัวเอาใหม่ ถัดไปอีก 2 ปี

ตุลย์ ตุลยเทพ : ก็เลยรู้และคราวนี้ 171 กม. อาจจะไม่ใช่สำหรับเรา เพราะตอนนั้นเราวิ่งได้ 100 กม. มันก็มีรายการเล็กลงมาก็คือวิ่ง 100 กม. เราก็เลยสมัครอันนั้นไป ว่าคราวนี้จบแน่นอน 100 กม. เขาให้เวลาถ้าจำไม่ผิด 26 ชม.

เยอะกว่าครั้งที่ทำได้ ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : ใช่คือ 26 ชั่วโมงคือ cut off และคราวที่แล้วที่เราวิ่ง 20 เราวิ่ง 100 กม. 24 ชม. ก็เลยคิดว่าเราวิ่งเหมือนเดิมก็น่าจะจบได้ คราวนี้ไปถึง 50 กม. ตอนนั้นก็คือ 50 กม. แล้วก็แวะรู้สึกปวดฉี่ แวะปัสสาวะหน่อย แล้วก็ตอนนั้นมันกลางคืน ก็มีไฟ head lamp อยู่ราก็ยืนข้างทางหลบคนแล้วก็พอปัสสาวะออกมาไฟ head lamp ส่องปุ๊บสีก็คือเป็นสีน้ำชาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าโอเค เป็นเรื่องงานเข้าก็เลยคิดว่าจบแล้ว ไม่วิ่งต่อแล้ว แต่ว่าจากตรงนั้น 50 กม. มาจนถึงจุดเช็คพ์ที่ที่หญิงไปรอ ก็คือ 54 เหลือประมาณ 4 กม. ที่ต้อง ตรงนั้นก็คือเดินขึ้นเขา มาหยุดที่ check point แต่ตอนนั้นก็รู้แล้วว่าเราไม่สามารถออกกำลังกายได้แล้ว มันคือศึกษามาบ้างว่าอาการแบบนี้มันคือกล้ามเนื้อสลาย ตอนนั้นต้องระวังว่าแบบไม่หักโหมแล้ว มันคือการใช้กล้ามเนื้อหนักเกิน กล้ามเนื้อฉีก กล้ามเนื้อสลายพวกนี้ ก็เลยว่าค่อย ๆ ไปไม่เร่ง เหงื่อแทบไม่ออกเลยเพราะว่าเราเดินเบามาก แล้วก็พยายามดื่มน้ำ มีน้ำเท่าไหร่ก็ดื่ม แล้วก็ระหว่างทางเวลาขึ้นเขามันจะมีแบบเป็นลำธารเป็นก๊อก เขาจะมีอ่างให้รองแล้วก็แบบเติมน้ำคอยกินเรื่อย ๆ จนเดินขึ้นมาถึง check point เจอเขาก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว

ตอนนั้นมีอาการอย่างอื่นไหม ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : ไม่มี คือมันแปลกมากว่า อันนี้คือหลังจากกลับมา พี่ก็ศึกษาว่าอาการกล้ามเนื้อสลายมันเป็นยังไง มันมีอะไรบ้าง เขาก็บอกว่า คือแล้วแต่คนอาการไม่เหมือนกัน โดยส่วนมากเขาจะบอกว่าเป็นแบบเจ็บกล้ามเนื้อ ตึงเป็นก้อน หรืออะไรพวกนี้ แต่พี่ตอนนั้นก็ไม่รู้สึก มันก็เหมือนรู้สึกตึง เหมือนการวิ่งทุกครั้ง เพราะเวลาขึ้นเขาแล้วลงเขามันก็กล้ามเนื้อเยอะ มันก็รู้สึกเจ็บ ที่อ่านมาบางคนบอกว่าเป็นตะคริวตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นตะคริว ก็ไม่เป็นอะไร ก็ยังเดินแบบปกติเข้ามานั่งพัก พอเข้ามานั่งพักสักพักรู้สึกปวดฉี่ ก็เลยบอกเดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็เดินไปหลัง check point เขาเอารถห้องน้ำมาตั้ง ก็ขึ้นไปฉี่ตอนนั้นก็โอเคฉี่ออกมา คราวนี้เป็นสีไวน์เลย ไวน์แดงแต่ไม่ไม่ได้แดงแบบเป็นเลือดมันก็แดง ๆ ม่วง ๆ ก็เลยกลับมาแล้วก็บอกว่าพาไปเต็นท์พยาบาลหน่อย อันนี้ไปถึงก็บอกพยาบาลพยาบาลก็โอเคนอนเลย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ดูตกใจ

หญิง รฐา : เขาไม่ได้ตกใจอะไร แต่คนตกใจคือเรา การที่รถจะขึ้นมาถึงจุดนั้นน่ะก็ใช้เวลาชั่วโมงหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าภาวะที่เขาเป็น ต้องรอรถอีกเป็นชั่วโมงมันจะเป็นยังไง ในขณะที่พอขึ้น ambulance ก็ต้องลงจากเขาไปอีกชั่วโมงหนึ่งแต่ว่าโอเคพอขึ้น ambulance เขาก็แบบเหมือน inject น้ำเกลือถุงแรกเราก็รู้สึกสบายใจขึ้น เป็นคืนที่พี่รู้สึกว่าแบบหนักหนาสำหรับเรา สำหรับเราแต่สำหรับเขา เขาไม่เห็นเป็นอะไรเลย แต่เราเห็นภาพเขาว่าแบบ inject แล้ว

ซึ่งเป็นภาพที่เราไม่เคยเห็นเลย ?

หญิง รฐา : ใช่ มันก็เลยเหมือนแบบ นี่ขนาดเล่ายังสั่นอยู่เลย มันเป็นความรู้สึกที่เรากลัว ก็เลยขอร้องว่าไม่ให้ทำอีก (เสียงสั่นจะร้องไห้)

เรื่องของสุขภาพแล้วอาจจะต้องร่างกายด้วย ดังนั้นจำเป็นมากที่เราจะต้องคอยหมั่นเช็คตัวเองและก็ปลอดภัยไว้ก่อน

ตุลย์ ตุลยเทพ : ต้องฟังร่างกายเรา คือบางที แต่อันนี้ก็พูดยาก เพราะว่าในความรู้สึกตอนนั้นคือมันไม่รู้สึกอะไร

เป็นจุดเปลี่ยนเลยไหม สำหรับการดูแลสุขภาพแล้วก็การเล่นกีฬา ?

ตุลย์ ตุลยเทพ : ใช่ก็ร่างกายมันเกิดความเสียหายแล้ว ตรงไตตรงอะไรพวกนี้ เราก็ต้องคอยระวังมากขึ้นกลับมา ก็มอนิเตอร์คือเช็คตรวจเลือด หมอไม่ได้สั่งแต่ก็ไปตรวจเอง แล้วก็จะมีน้องที่เป็นหมอที่วิ่งด้วยกันที่ Adidas ก็จะส่งผลไปถามเขา แบบค่าไปตรวจ CPK ว่าค่าตอนนี้มันเท่านี้เป็นอะไรบ้าง ซึ่งภาวะกล้ามเนื้อสลาย ความยากของมันคือเราไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนมันสลาย มันอาจจะเป็นขา กล้ามเนื้อขา มันอาจจะเป็นหัวใจ ซึ่งทุกอย่างพอสลายค่าพวกนี้มันก็โชว์เหมือนกัน เราจะไม่รู้ได้เลยว่ามันเป็นส่วนไหนสลายมา ต่อไปนี้ก็เบา ๆ ลง ปรึกษาน้องที่เป็นหมอเขาบอกว่าอย่าไปหักโหม ออกกำลังกายได้แต่ว่าไม่หนัก และก็ต้องใส่ใจกับการออกกำลังกายมากขึ้น การดื่มน้ำหรือการอะไรพวกนี้หลาย ๆ อย่างพักผ่อน

พอพี่หญิงมาเรียน anti aging รู้สึกว่าอะไรที่มันเปลี่ยนหรือว่าเคยมีความเข้าใจอะไรผิด ๆ พอมาเรียนแล้ว มีผลกระทบที่ดีกับเราจริง ๆ มีเรื่องอะไรบ้างไหม

หญิง รฐา : ถ้าเอาหลัก ๆ เลย รู้สึกว่าเปลี่ยนโลกเลยก็คือเรื่อง microbiome เรื่องของกัดไมโครไบโอม เรื่องของลำไส้ เพราะรู้สึกว่าแต่ก่อนเราจะไม่ค่อยได้ concentrate กับเรื่องของการเอาอะไรเข้าปาก เราจะรู้สึกว่าก็ฉันอยากกิน ฉันอยากกินอันนี้ เดี๋ยวฉันออกกำลัง ไม่ได้แคร์แคลอรี่ด้วย พี่สนใจความอร่อยอย่างเดียว รู้สึกว่าฉันก็อยากกินอันนั้นฉันก็อยากกินอันนี้ แต่พอมาเรียนจริง ๆ เรารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เราเอาเข้าปากเข้าไป มันมีผลมากกับชีวิต มันมีผลแม้แต่กระทั่งความเครียด ความสุข คือแม้แต่กระทั่งความรู้สึกโมเมนต์เล็ก ๆ ในชีวิตมันก็ส่งผลกับสุขภาพไปหมด เลยรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วการมีสติในตั้งแต่เริ่มจะกินจะคิด แค่โมเมนต์ตรงนั้นมันเปลี่ยนสุขภาพเราได้เลย

สามารถติดตาม  " Glow On podcast with Grace "  ได้ที่ช่องทาง Facebook: Alive Dot , Youtube : Alive Dot  

 

คลิกชมรายการย้อนหลัง  : https://www.youtube.com/watch?v=reLGb12ebLc

 

 

หน้าแรก » บันเทิง

ข่าวในหมวดบันเทิง