วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 17:41 น.

ข่าวสังคม

อพท.หนุนเชียงรายเมืองต้นแบบการปรับตัวต่อสภาพอากาศอย่างยั่งยืน

วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 13.15 น.

อพท.หนุนเชียงรายเมืองต้นแบบการปรับตัวต่อสภาพอากาศและห่วงโซ่อุปทานสู่เป้าหมายเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ โดยสำนักงานภูมิภาคองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) จัดการประชุมระดมความคิดเห็นการพัฒนาข้อเสนอโครงการ “การสร้างการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนในจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย” มุ่งพัฒนาเชียงรายเป็นพื้นที่ต้นแบบการปรับตัวต่อสภาพอากาศและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ณ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์และชุมชนท้องถิ่นที่มีภูมิปัญญาอันล้ำค่าโดยมีสถานที่สำคัญๆ เช่น พระธาตุดอยตุง ด่านชายแดนแม่สาย สามเหลี่ยมทองคำ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) แม่น้ำกก แม่น้ำโขง บ่อน้ำพุร้อน ดอยแม่สลอง ภูชี้ฟ้า วัดร่องขุ่น เป็นต้น รวมทั้งเป็นประตูการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการขนส่งในกลุ่มประเทศ GMS ทำให้ได้รับ GDP ประมาณ 1 แสนล้านบาท มีนักท่องเที่ยวกว่า 6 ล้านคนต่อปี และจังหวัดเชียงรายกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาว่าจะเป็น “เชียงราย เมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ วิถีถิ่นร่วมสมัย เกษตรกรรมมูลค่าสูง สิ่งแวดล้อมสมดุล มุ่งสู่ความยั่งยืน” อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงรายยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินไหวหรือการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่ส่งผลกระทบต่อทั้งการเกษตร วิถีชีวิต และเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น โครงการนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาเมืองและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกและยังเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศมากที่สุด โดยอยู่ในอันดับ 9 ของดัชนีความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศโลก โดยภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น ชุมชนและการท่องเที่ยวพึ่งพาธรรมชาติเป็นแหล่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยวซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของอุทกภัย ภัยแล้ง คลื่นความร้อน ดินถล่ม และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกนำมาสู่ผลกระทบต่อการดำรงชีพและเศรษฐกิจในท้องถิ่นและการเติบโตทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของจังหวัดเชียงราย แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติของประเทศไทย (Thailand’s National Adaptation Plan : NAP 2024) ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามเหล่านี้ จึงกำหนดให้การท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนที่สำคัญในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถและศักยภาพในการดำเนินการในระดับท้องถิ่นยังคงมีจำกัดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนและดำเนินการจัดการกับความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศเหล่านี้ในระบบการท่องเที่ยวหรือห่วงโซ่อุปทาน

ทั้งนี้ อพท.ได้ประสานความร่วมมือกับ UNIDO และภาคีเครือข่าย ร่วมกันพัฒนาโครงการสร้างการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนในประเทศไทย (Building Climate-Resilient Community-Based Tourism and Sustainable Supply Chains in Chiang Rai Thailand) ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อสภาพภูมิอากาศในภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผ่านองค์ประกอบที่บูรณาการ 4 ประการ ได้แก่ 1) การพัฒนาข้อมูลข่าวสารความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศในท้องถิ่นสำหรับการวางแผนการท่องเที่ยว 2) การปรับตัวของการบริการด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานผ่านการจัดการที่อิงตามธรรมชาติ การออกแบบการท่องเที่ยวตามฤดูกาลใหม่และการแบ่งเขตพื้นที่ทีมีความเสี่ยง 3) การยกระดับและจัดหาเงินทุนให้กับห่วงโซ่คุณค่าการท่องเที่ยวที่สามารถรับมือต่อสภาพภูมิอากาศ และ 4) การติดตาม การเรียนรู้การแลกเปลี่ยนความรู้ในระดับภูมิภาค โดยโครงการนี้จะให้ประโยชน์โดยตรงกับผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 25,000 คน ชุมชนท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ (MSMEs) มากกว่า 250 ราย และยังเกิดประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ระบบนิเวศ การเข้าถึงทรัพยากรน้ำและความเท่าเทียมทางเพศโดยการดำเนินการจะเน้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงแสน ซึ่งได้รับผลกระทบสูงจากสภาพภูมิอากาศเพื่อพัฒนาให้เป็นต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

Ms. Virpi Stucki, Chief, Fair Production, Sustainability Standards and Trade, องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization: UNIDO) กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมจัดการประชุมระดมความคิดเห็นการพัฒนาข้อเสนอโครงการในวันนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของทุกฝ่าย สู่การพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งที่เราร่วมกันพัฒนาไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการเท่านั้น แต่ยังเป็นแผนงานการเปลี่ยนแปลงที่สร้างพลังให้กับชุมชน ส่งเสริม MSMEs ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปกป้องภูมิทัศน์อันสวยงามที่ทำให้ประเทศไทยและจังหวัดเชียงรายเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวระดับโลก ความร่วมมือกับ อพท. จังหวัดเชียงราย และ GISTDA ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้ เมื่อนวัตกรรม, Data-driven insight และ Local ownership ถูกนำมาบูรณาการร่วมกัน เราตื่นเต้นที่จะผลักดันวิสัยทัศน์อันกล้าหาญนี้ให้ก้าวไปอีกขั้น พัฒนา Concept Note ให้เสร็จสมบูรณ์ และยื่นต่อ Adaptation Fund

อย่างไรก็ตาม การริเริ่มโครงการในครั้งนี้ จะเชื่อมโยงการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนผ่านการวางแผนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลการดำเนินการระดับท้องถิ่นที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานตามระบบนิเวศและความยืดหยุ่นในการปรับตัวของห่วงโซ่คุณค่าทางการท่องเที่ยวรวมถึงการแก้ไขช่องว่างทางการเงินเพื่อการปรับตัวเสริมสร้างศักยภาพในการกำกับดูแลสภาพภูมิอากาศและวางตำแหน่งให้ประเทศไทยเป็นผู้นำระดับภูมิภาคในด้านการท่องเที่ยวอัจฉริยะเพื่อการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศภายใต้กรอบการจัดสรรงบประมาณระดับชาติของกองทุนเพื่อการปรับตัว ADAPTATION FUND และยังสามารถนำองค์ความรู้และพื้นที่ต้นแบบนี้ไปขยายผลในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นต่อไป

หน้าแรก » ข่าวสังคม