วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568 02:47 น.

ข่าวสังคม

3 มหาวิทยาลัยชายแดนใต้เปิดสูตรสำเร็จรับมือมหาภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่

วันจันทร์ ที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 19.37 น.

เครือข่ายมหาวิทยาลัย 3 จังหวัดชายแดนใต้ เปิดชุดความรู้สู้ภัยพิบัติน้ำท่วม จัดระบบระเบียบทีมอาสาสู้ภัย 8 ชุดรับมือ เชื่อมโยงกลไกรัฐ เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุสั่งการแบบเรียลไทม์ ประสานเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ ยกระดับการรับมือภัยพิบัติ

ผศ.ดร.อรุณีวรรณ  บัวเนี่ยว รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) เปิดเผยความพร้อมของแผนเผชิญเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส โดยกล่าวว่า มอ.ปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (มรภ.ยะลา) และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) ได้หลอมรวมข้อมูลความรู้จากงานวิจัยเข้าด้วยกัน พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และเชื่อมโยงความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม และสถานการณ์ภัยพิบัติทุกรูปแบบ

"ภายใต้แพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเป็นระบบ เรามีกำลังคนทั้งคณาจารย์ นักศึกษา และบุคลาการของ 3 มหาวิทยาลัย ในการทำงานร่วมกันถึง 30,000 คน โดยที่เกือบทุกคนเป็นผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ รู้จักพื้นที่ ตลอดจนวิถีชีวิตคนพื้นที่อย่างดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งของความสำเร็จในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม"

ผศ.ดร.อรุณีวรรณ เปิดเผยด้วยว่า ปัจจัยความสำเร็จอีกส่วนหนึ่งของการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วมคือการทุ่มเททำงานกันแบบจิตอาสา สืบสานพระราชปณิธาน “จิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ"ของในหลวงรัชกาลปัจจุบัน และมีการจัดระบบระเบียบการทำงานออกเป็น 8 ทีมทำหน้าที่รับผิดชอบแต่ละด้าน ประกอบด้วย1).ทีมข้อมูลสถานการณ์น้ำ 2).ทีมข้อมูลสถานการณ์พื้นที่ 3).ทีมรับบริจาค 4).ทีมปฏิบัติการพื้นที่ 5).ทีมครัวเฉพาะกิจ 6).ทีมสื่อสารและประสานงาน 7).ทีมเทคโนโลยีภัยพิบัติ และ 8).ทีมวิเคราะห์ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ ซึ่งจะทำงานเชื่อมโยงกับกลไกราชการ และชุมชนในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญยิ่งของการรับมือภัยพิบัติ ยิ่งไปกว่านั้นยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้กับชุมชนในการเผชิญเหตุรับมือกับภัยพิบัติได้ด้วยตัวเอง ผ่านเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ ตามคำแนะนำผู้ทรงคุณวุฒิของ บพท. โดยมี ผศ.ดร.สมพร  ช่วยอารีย์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการ มอ.ปัตตานี เป็นวิทยากรหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือภัยพิบัติ   น้ำท่วมปี 2568 ของจังหวัดปัตตานี ได้มีการประสานความร่วมมือระหว่าง มอ.ปัตตานี กับ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นางพาตีเมาะ สะดียามู เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบเรียลไทม์ อีกทั้งบอกกล่าวเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดปัตตานี ให้ยกระดับการรับมือภัยพิบัติอุทกภัย

ผศ.ดร.เกสรี  ลัดเลีย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ชี้แจงเพิ่มเติมว่าการปฏิบัติงานจริงภายใต้แพลตฟอร์ตบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม มีข้อค้นพบเพิ่มเติมว่าประเด็นการบริบาลผู้ป่วย รวมถึงการผดุงครรภ์ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ถูกนำเข้าสู่การแก้ไขให้ลุล่วงไปด้วย

รศ.ดร.วสันต์ พลาศัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวเสริมว่า การขับเคลื่อนงานรับมือภัยพิบัติน้ำท่วมด้วยชุดความรู้จากการวิจัย ที่ถูกออกแบบไว้ดี และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเทศมนตรีเป็นกลไกหลัก ทำให้การรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วมทั้งที่ปัตตานี-ยะลา และนราธิวาส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมความเสียหายให้อยู่ในวงจำกัด

"ผมหวังว่าทั้งปัตตานีโมเดล-ยะลาโมเดล หรือ นราธิวาสโมเดล ที่ถูกพิสูจน์ผลสัมฤทธิ์ในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หน่วยงานระดับนโยบาย ผลักดันให้งานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมทั้งความรู้ วัสดุอุปกรณ์ และกำลังบุคลากร"