“ปธน.สีจิ้นผิง” ตรวจเยี่ยมท่าเรือโจวซาน ส่งสัญญาณที่เด่นชัดว่าต้องปกป้องห่วงโซ่การผลิตและอุปทานของโลก

“ปธน.สีจิ้นผิง” เดินทางตรวจเยี่ยมการทำงานในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลชายฝั่งทางตะวันออกของจีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 มี.ค.) โดยได้เดินทางไปยังท่าเรือโจวซาน และเขตอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ชิ้นส่วนยานยนต์ระดับสูงเป่ยหลุนต้าซี่ในนครหนิงโป เพื่อตรวจสภาพการฟื้นฟูการทำงานของที่นั่น ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ของ ปธน..สี หลังการระบาดของโควิด-19 เป็นการส่งสัญญาณที่เด่นชัดในการคุ้มครองห่วงโซ่การผลิตและอุปทานของโลกภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 หลังเป็นการปฏิบัติตามข้อเสนอที่ “สีจิ้นผิง” ที่กล่าวไหวในการประชุมผู้นำ G20 เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา

ท่าเรือโจวซานที่ “ปธน.สี” ได้ไปตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ เป็นท่าเรือที่อยู่ในอันดับแรกของโลกอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลา 11 ปีรับ-ส่งสินค้าจำนวน 163 ล้านตันในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็น 98 % เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2019 แสดงให้เห็นถึงการค้าการระหว่างประเทศ และการส่งออกกำลังกลับฟื้นฟูในแนวโน้มที่เชิงบวก ท่าเรือถือเป็นตัวชี้วัดการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งในการคุ้มครองเสถียรภาพของห่วงโซ่การผลิตและอุปทานของโลก สินค้าจากต่างประเทศของจีนมีจำนวน 90 % ที่ต้องเข้า-ออกผ่านท่าเรือจีนมี 7 ท่าเรือที่อยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก ซึ่งพิจารณาจากปริมาณการรับส่งสินค้าและการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ในปี 2019 ท่าเรือโจวซานยังได้รับส่งตู้ container จำนวน 27,535,000 ตู้ อยู่ในอันดับที่ 3 ของท่าเรือทั่วโลกสามารถกล่าวได้ว่า ซึ่งวัตถุประสงค์การไปตรวจเยี่ยมท่าเรือโจวซานของ ปธน.สี ในครั้งนี้ก็เพื่อส่งสัญญาณที่เด่นชัดว่า ต้องปกป้องห่วงโซ่การผลิตและอุปทานของโลก

มณฑลเจ้อเจียงเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการค้าขายกับประเทศไทยมากที่สุด รองจากมณฑลกวางตุ้ง ทุกปี SMEs ไทยนำเข้าสินค้าขนาดเล็กจำนวนมากจากเจ้อเจียงอีอู้และสิ่งทอจากซ้าวซิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทที่อยู่ในเจ้อเจียงจำนวนมากเลือกมาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีนระยอง ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรมและฐานการผลิต รวมไปถึงการส่งออก บริษัทเหล่านี้ได้จัดตั้งโรงงานในประเทศไทยสำหรับผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ สายสื่อสาร ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์สำนักงานและการผลิตและการแปรรูปอื่นๆ มีคนไทยกว่า 30,000 คนทำงานในบริษัทเหล่านี้ ท่าเรือ Zhoushan ยังเป็นท่าเรือขนส่งที่สำคัญสำหรับห่วงโซ่อุปทานของ บริษัทเหล่านี้ การเริ่มต้นการทำงานและการผลิตที่ท่าเรือโจวซาน ยังส่งสัญญาณในเชิงบวกต่อเสถียรภาพของการทำงานของพนักงานที่ทำงานในบริษัทสัญชาติจีนในประเทศไทยอีกด้วย

ปธน.สีตรวจเยี่ยมบริษัทแม่พิมพ์เครื่องจักรย้ำรัฐบาลจะช่วยเหลือบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กจากผลกระทบจากCOVID-19

นิคมแห่งนี้มีธุรกิจต่าง ๆ กว่า 70 ราย เป็นฐานตัวอย่างด้านอุตสาหกรรมการหล่อแรงดัน(pressure casting) ของจีน ปธน.สี ได้เจาะจงไปตรวจเยี่ยมบริษัทแม่พิมพ์เครื่องจักรเจินจื้อหนิงโปว ซึ่งบริษัทแม่พิมพ์ดังกล่าวเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2003 ปัจจุบัน เป็นธุรกิจแม่พิมพ์เครื่องจักรดีเด่นและสำคัญของจีน

ปธน.สี ได้ให้กำลังใจบรรดาพนักงานของบริษัทว่า ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งต้องการพิจารณาการพัฒนาของประเทศอย่างรอบด้าน สมเหตุสมผล และมองการณ์ไกล ยิ่งต้องการเพิ่มความมั่นใจที่เด็ดเดี่ยวและแน่วแน่พันงานทุกคนต้องพยายามฟื้นฟุผลการผลิตพร้อมกับการป้องกันและควบคมการระบาดโรค COVID-19

ตัวอย่าง บริษัท แม่พิมพ์นี้ได้รับการอนุมัติให้เริ่มการทำงานใหม่ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์และกลับมาเป็น 80% ของกำลังการผลิตปกติในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ตอนนี้ได้กลับมาผลิตเต็มกำลังอีกครั้ง พนักงานทั้ง 115 คนยกเว้นพนักงานหูเป่ยสองคนกลับมาทำงานต่อได้ เจ้าหน้าที่ของ บริษัท กล่าวว่า นับตั้งแต่สิ้นปี 2019 ได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมาก ทำให้ยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และสถานการณ์ Covid-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในไตรมาสที่สอง รัฐบาลท้องถิ่นได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือสำหรับบริษัทรวมถึงการลดและยกเว้นค่าสาธารณูปโภค ค่าประกันสังคมสำหรับพนักงานและอื่นๆ

ในท้ายที่สุด “สีจิ้นผิง” ได้กล่าวกับตัวแทนของ SMEs ว่า ทางพรรคได้ให้ความใส่ใจอย่างใกล้ชิดกับผลกระทบจาก Covid-19 ต่อ SMEs มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความช่วยเหลือให้กับอุตสาหกรรมหลักและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นโยบายการช่วยเหลือจะต้องดำเนินการอย่างแม่นยำ และจะต้องดำเนินการก่อนที่บริษัทจะเกิดปัญหา

http://m.news.cctv.com/2020/03/29/ARTIUrSaicL7gBiUL9nj556x200329.shtml

https://news.cgtn.com/news/2020-03-29/Xi-inspects-work-resumption-in-Zhejiang-Pg62Vez1gQ/index.html