เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 นางอองซาน ซูจี ผู้นำเมียนมา ได้ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าที่กรุงเนปิดอว์ในวันนี้ หลังจากที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิตามภูมิลำเนาที่เมืองย่างกุ้ง อันเนื่องมาจากข้อกำจัดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนางซูจีแล้ว นายอู วินมิ่นท์ ประธานาธิบดีเมียนมา ก็ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าด้วยเช่นกัน 
          
ผู้สื่อรายงานว่า นางซูจีได้ปรากฏตัวที่หน่วยเลือกตั้ง โดยสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือป้องกันการติดเชื้อโรค
          
เมียนมาจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พ.ย.นี้ ขณะที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) จะครบวาระ 5 ปีของการเป็นรัฐบาลในเดือนมี.ค. 2564
ก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาสั่งยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงยกเลิกคำสั่งห้ามรวมตัวกันเป็นจำนวนมากและการกักตัวอยู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้น ถ้อยแถลงของกระทรวงระบุว่า ทางกระทรวงจะอนุญาตให้ประชาชนสามารถชุมนุมรวมกลุ่มตามหน่วยเลือกตั้งได้มากกว่า 30 คนในวันเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน กระทรวงยังประกาศว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตตัวเมือง ซึ่งต้องกักตัวอยู่ในที่พักนั้น จะได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
          
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า พรรค NLD จะสามารถคว้าชัยในการเลือกตั้งมาครองได้อีกครั้ง

ขณะที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติรัฐฉานเพื่อประชาธิปไตย (Shan Nationalities League for Democracy) โดยมีหัวเสือเป็นโลโก้พรรค เป็นพรรคการเมืองในรัฐฉาน มีสมาชิกเป็นทั้งชาวไทใหญ่และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ในรัฐฉาน เช่น ชาวปะหล่อง ชาวปะโอ เป็นพรรคการเมืองของชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่พรรคหนึ่งในพม่า ในการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2533 ได้ 23 ที่นั่งได้ลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการหาเสียงผ่านสื่อออนไลน์ อย่างต่อเนื่อง

แม้จะเกิดการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับทหารไทใหญ่ที่เมืองจ๊อกเมร์ รัฐฉานภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.และมีการหยุดยิงหลังจาก กกต.เมียนมาได้ประกาศพื้นที่รัฐฉานไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้จำนวน 6 เขตการเลือกตั้ง ทำให้ ส.ส.จากรัฐฉานลดไปอีก 6 คน

นอกจากนี้ยังมีพรรประชาธิปไตของไทใหญ่หรือพรรคเสือเผือกก็ลุยหาเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยชูนโยบายหลัก 5 ประการคือ  1.จะยึดหลักสันติภาพ ในการดำเนินนโยบายเพื่อให้เกิดขึ้นสหพันธรัฐอย่างแท้จริง 2.ในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งรัฐ จะต้องให้ทุกกลุ่มชาติพันธ์มีส่วนร่วม 3.จะดำเนินงานด้านเศรษกิจ ให้เจริญรุ่งเรืองทุกภาคส่วน 4.ด้านการปกครอง ให้คนในพื้นที่ มีส่วนร่วมทุกองค์กร ทุกแผนก โดยคัดเอาคนในพื้นเข้าไปปกครองในพื้นที่ใครที่มัน 5.จะดำเนินงานด้านการศึกษา ประเพณี วัฒนธรรม ขนบทำเนียมให้ยาวสืบไป