วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567 09:38 น.

ต่างประเทศ

ไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไปแล้ว! "ไบเดน"ลงนามคำสั่ง 15 ฉบับเพิกถอนนโยบาย "ทรัมป์"

วันพฤหัสบดี ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2564, 10.05 น.

ไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไปแล้ว! "ไบเดน" หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ลงนามคำสั่ง 15 ฉบับเพิกถอนนโยบาย "ทรัมป์"

วันที่ 21 มกราคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายโจ ไบเดน วัย 78 ปี ได้เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ด้านหน้าอาคารรัฐสภาฝั่งตะวันตก ในเวลาเที่ยงวันของวันที่ 20 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯหรือประมาณเที่ยงคืนของวันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย ซึ่งถือว่านายไบเดนเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

โดยพิธีเริ่มจากนางคามาลา แฮร์ริส อดีตวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย วัย 56 ปี สาบานตนรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 49 อย่างเป็นทางการ ตามด้วยนายโจ ไบเดน กล่าวสาบานตนเป็นลำดับต่อไป โดยมีนายจอห์น โรเบิร์ตส ประธานศาลฎีกาเป็นผู้ทำพิธี ซึ่งนายไบเดนได้กล่าวสาบานตนด้วยการยกมือขวา พร้อมวางมือซ้ายบนพระคัมภีร์ไบเบิล และเอ่ยคำปฏิญาณ ข้าพเจ้าขอให้คำสาบาน จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดี สหรัฐฯอย่างซื่อสัตย์ และจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษา คุ้มครอง และปกป้องรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ก่อนกล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชน ท่ามกลางการอารักขาอย่างแน่นหนาจากเจ้าหน้ากว่า 25,000 คน
          
สำหรับบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมพิธีสาบานตนครั้งนี้ ประกอบด้วย นายจอร์จ ดับเบิลยู.บุช จากพรรครีพับลิกัน และนางลอรา บุช ภริยา ตามมาด้วยนายบารัค โอบามา และนางมิเชล โอบามา ภริยา รวมทั้งนายบิล คลินตัน และนางฮิลลารี คลินตัน ภริยา โดยทุกคนที่ร่วมในพิธีต่างพากันสวมหน้ากากอนามัย
          
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนก่อน และนางเมลาเนีย ทรัมป์ เดินทางออกจากทำเนียบขาวตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ด้วยเฮลิคอปเตอร์มารีน วัน ไปยังฐานทัพอากาศแอนดรูส์ในรัฐแมรีแลนด์ และกล่าวอำลาสั้นๆ ต่อกลุ่มผู้สนับสนุน ก่อนขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซวัน มุ่งหน้าสู่รีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโกในรัฐฟลอริดา โดยไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของนายไบเดน ตามที่ได้เคยประกาศไว้
          
อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ได้ทิ้งข้อความส่วนตัวผ่านทางจดหมายให้กับนายไบเดนไว้ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวตามธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งร่นไบเดนบอกกับสื่อเพียงว่าเป็นข้อความที่ให้กำลังใจอย่างดีมาก แต่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยเนื้อหา

ลงนามคำสั่ง 15 ฉบับเพิกถอนนโยบายทรัมป์ 
          
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารและคำสั่งอื่นๆ รวม 15 ฉบับภายหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) โดยมีทั้งคำสั่งเพิกถอนนโยบายเก่าของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมไปถึงมาตรการใหม่ๆ ที่มุ่งผลในการต่อสู้โรคระบาดโควิด-19 และแก้ไขปัญหาโลกร้อน        

นายไบเดน ลงนามคำสั่งบริหาร, บันทึกข้อความ และคำสั่งอื่นๆ อีกหลายฉบับในห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ที่ทำเนียบขาวเมื่อบ่ายวันพุธ (20) โดยประกาศต่อสื่อมวลชนว่า “ไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไปแล้ว”

"คำสั่งบริหารบางอย่างที่ผมจะเซ็นในวันนี้จะช่วยเปลี่ยนแนวโน้มของวิกฤตโควิด-19 เราจะต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างชนิดที่ไม่เคยทำมาก่อน รวมถึงส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และสนับสนุนชุมชนอื่นๆ ที่ยังขาดโอกาส... ทั้งหมดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น" นายไบเดน กล่าว
          
ผู้ช่วยทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ไบเดนได้เซ็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐรวมถึงประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารสถานที่ของรัฐบาล, เปิดสำนักงานประสานงานตอบสนองไวรัสโคโรนาประจำทำเนียบขาว และสั่งยุติกระบวนการถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ นายทรัมป์ ได้ดำเนินการเอาไว้
          
นายไบเดน ยังลงนามในเอกสารเริ่มกระบวนการกลับเข้าสู่ความตกลงปารีส (Paris Agreement) และออกคำสั่งเพื่อจัดการปัญหาสภาพอากาศอย่างครอบคลุม หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกคำสั่งอนุญาตโครงการท่อส่งน้ำมัน คีย์สโตน เอ็กซ์แอล
          
ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ยังยกเลิกประกาศฉุกเฉินของนายทรัมป์ ที่อนุมัติงบสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนตอนใต้ และยุติคำสั่งห้ามพลเมืองจากชาติมุสลิมบางประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ
          
นายเจน พีซากี (Jen Psaki) เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของไบเดน แถลงว่า แผนในวันแรกนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการใช้อำนาจบริหาร (executive actions) ที่ ไบเดน เตรียมจะลงมือทำทันทีหลังเข้ารับตำแหน่ง
          
"ในช่วงหลายวันและหลายสัปดาห์ข้างหน้า เราจะประกาศคำสั่งจากคณะบริหารเพิ่มเติมเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ และทำตามคำมั่นสัญญาที่ประธานาธิบดีให้ไว้ต่อชาวอเมริกัน" นายพีซากี ระบุ
          
สำหรับแผนการขั้นต่อๆ ไปของนายไบเดน ยังรวมถึงการเพิกถอนคำสั่งห้ามคนข้ามเพศเข้ารับราชการทหาร และยกเลิกนโยบายห้ามสหรัฐฯ ให้ทุนสนับสนุนโครงการในต่างแดนที่เชื่อมโยงกับการทำแท้ง
          
ในด้านเศรษฐกิจนายไบเดนได้ขอให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ขยายเวลาผ่อนผันการไล่ที่อยู่ (moratorium on evictions) ไปจนถึงปลายเดือน มี.ค. และให้กระทรวงการศึกษาพักชำระหนี้แก่นักศึกษาไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. นี้