วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 16:11 น.

การตลาด

คอมพานี บี ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย   ลงนาม MOU “โครงการงัวแดง” สร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้เกษตรกรไทย ลดการนำเข้าวัวนอกกว่า 2,800 ตัน/ปี

วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 19.24 น.

คอมพานี บี ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย   ลงนาม MOU “โครงการงัวแดง” สร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้เกษตรกรไทย ลดการนำเข้าวัวนอกกว่า 2,800 ตัน/ปี

 

 

บริษัท คอมพานี บี จำกัด ประกาศความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยจัด พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) โครงการ "งัวแดง": การผลิตเนื้อโคขุนคุณภาพเพื่อทดแทนการนำเข้า และสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกร ร่วมกับ สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน, สมาคมไทยบีฟมาสเตอร์แห่งประเทศไทย และ ภาคีเครือข่ายเกษตรกร


การลงนาม MOU ในครั้งนี้ มี วัตถุประสงค์หลัก คือ ความร่วมมือในการดำเนินโครงการผลิตเนื้อโคคุณภาพเทียบเท่าสากล เพื่อสร้างความมั่นคงทางวัตถุดิบ ลดการพึ่งพาเนื้อวัวจากต่างประเทศ และสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย

 


โครงการงัวแดงไม่ได้เป็นเพียงการจัดหาวัตถุดิบสู่ร้านอาหารเท่านั้น แต่คือพิมพ์เขียว (Blueprint) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย โดยการผสานความเชี่ยวชาญด้านสายพันธุ์ Beef Master เข้ากับระบบการเลี้ยงที่เหมาะสมกับภูมิอากาศไทยอย่างแท้จริงโดยมุ่งเน้นการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย


จากข้อมูลการวิจัย พบว่า ในช่วงปี 2564–2568 จำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1.38 ล้านราย แต่ ร้อยละ 96 ยังคงเป็นเกษตรกรรายย่อย โครงการงัวแดงจึงเข้ามารับซื้อเนื้อวัวใน ราคาที่เป็นธรรม และส่งเสริมการเลี้ยงด้วยมาตรฐานระดับสูง


ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 350 ราย และมีวัวที่เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 15,400 ตัว ทั่วประเทศ โดยฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการมี รายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15–25% ต่อปี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม


โครงการงัวแดงถูกวางให้เป็นก้าวสำคัญในการลดภาระการนำเข้าของประเทศ และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียน คาดการณ์ว่า ในปี 2568 โครงการงัวแดงจะช่วย ลดการนำเข้าเนื้อวัวได้กว่า 2,160 – 2,800 ตัน ต่อปี คิดเป็นการดึงเม็ดเงินกว่า 650 ล้านบาท กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย


อีกหนึ่งผลกระทบเชิงบวกภายใต้โครงการงัวแดงคือการช่วยสร้าง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในอุตสาหกรรมโคเนื้อไทย โดยใช้ทรัพยากรทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

 

โดยที่วัวทุกตัวถูกเลี้ยงด้วยธัญพืชสูตรพิเศษ ซึ่งช่วย ลดวัตถุดิบหลงเหลือทางการเกษตร อาทิ รำข้าว ฟางข้าว ต้นข้าวโพด กากมัน และกากปาล์ม ไปแล้วกว่า 33 ล้านตันต่อปี

 

 

ปุ๋ยจากมูลวัวยังช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำดี มีธาตุอาหารครบถ้วน ส่งเสริมการเติบโตของพืชผลทางการเกษตรต่อไป


การลงนาม MOU นี้ เป็นการตอกย้ำว่า เนื้อวัวไทยคุณภาพสูงสามารถผลิตได้เองในประเทศอย่างยั่งยืน ทางบริษัทฯ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานโคเนื้อไทย พร้อมสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับเกษตรกรรายย่อยไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

หน้าแรก » การตลาด