บมจ.เอ็นแอลซูเปอร์แท็กซ์เตือนผู้ประกอบการอย่าเข้าใจผิดว่าทำการค้าด้วยเงินสดจะช่วยลดจำนวนเงินจ่ายภาษี ยืนยันมีความเสี่ยงถูกตรวจสอบย้อนหลัง กระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้า และเปิดทางให้พนักงานขายทุจริต แนะหากต้องการให้ธุรกิจเติบโตควรวางแผนบัญชีและภาษีให้เป็นระบบ

นายนิพนธ์ งามทรัพย์ทวีคูณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นแอล ซูเปอร์แท็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL SUPER TAX เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายังมีผู้ประกอบการที่เข้าใจผิดว่าการค้าขายด้วยเงินสดสามารถเลี่ยงภาษีได้ จึงทำให้บางธุรกิจมีนโยบายรับเฉพาะเงินสด หรือบางแห่งทำควบคู่กันไปทั้งรับเป็นเงินสดและให้ลูกค้าโอนเข้าบัญชีด้วยเอกสารที่ถูกต้อง เพราะไม่ต้องการให้รายได้เข้าระบบทั้งหมดหวังจะเลี่ยงจ่ายภาษีให้น้อยลง เพราะเข้าใจผิดว่าสรรพากรไม่มีทางตรวจพบแน่นอน แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจะทำการค้าด้วยระบบเงินสดและนำเงินเข้าบัญชี ถือว่ามีรายได้เกิดขึ้นแล้วจึงต้องเสียภาษีเงินได้ ดังนั้น การนำเงินจากการค้าเข้าระบบบ้างหรือไม่เข้าระบบบ้าง หากสรรพากรตรวจสอบแล้วพบว่ายื่นภาษีไม่ครบถ้วนจะถูกเรียกเก็บเบี้ยปรับเงินเพิ่มย้อนหลัง อาจทำให้ต้องจ่ายภาษีย้อนหลังจำนวนมาก ซึ่งกรณีเคยเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการหลายราย ส่งผลกระทบต่อกำไรและรายได้ขององค์กรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“นอกจากผลกระทบด้านภาษีย้อนหลังแล้ว การทำธุรกิจด้วยเงินสดยังอาจทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงในหลาย ๆ ด้าน เช่น มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะขาดทุน เพราะการเรียกเก็บเงินสดอาจทำให้สูญเสียโอกาสในการค้า เนื่องจากลูกค้าหรือคู่ค้าที่าต้องการทำธุรกิจให้ถูกต้องตามระบบบัญชี อาจไม่สนใจทำธุรกรรมด้วย โดยเฉพาะองค์กรที่มีธรรมาภิบาลเรื่องความถูกต้องและโปร่งใส่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคู่ค้ารายใหญ่เท่านั้นแต่ปัจจุบันนี้ลูกค้ารายย่อยส่วนใหญ่ไม่พกเงินสดกันแล้ว” นายนิพนธ์กล่าวและเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การทำการค้าด้วยเงินสดยังมีความเสี่ยงเรื่องการทุจริต โดนเฉพาะองค์กรที่มีพนักงานจำนวนมาก มักเกิดปัญหาดังกล่าวบ่อยครั้ง มีกรณีศึกษาของธุรกิจค้าปลีกแห่งหนึ่งที่เคยเปิดทางให้ลูกค้าจ่ายเงินสด เมื่อพนักงานถือเงินสดจำนวนมากจึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องการทุจริต ในที่สุดจึงต้องปรับระบบให้คู่ค้าโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทเพียงช่องทางเดียว

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการวางแผนด้านบัญชีและภาษีให้ถูกต้องเท่านั้น ผู้ประกอบการที่มองการณ์ไกลจะเข้าใจระบบของธุรกิจและมีมุมมองว่าต้องการให้เติบโตในทิศทางใด รวมทั้งทำให้ลูกค้าหรือคู่ค้าเกิดความพึงพอใจ ที่สำคัญต้องทำให้ธุรกิจมีกำไร และสามารถแข่งขันในตลาดได้ จึงจำเป็นต้องวางแผนด้านบัญชีและภาษีควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่ถูกต้อง

นายนิพนธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ที่เคยเข้าร่วมอบรมในหัวข้อ “การวางแผนภาษีเพื่อผู้ประกอบการ” เข้าใจเป็นอย่างดีว่าการวางแผนด้านบัญชีและภาษีให้ถูกต้อง จะส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจ เพราะการไม่นำเงินเข้าระบบจะเกิดผลกระทบหลายอย่าง ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ผู้ค้าออนไลน์หรือตลาดนัดจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเช่นกัน เพราะการรับเงินสดจากการขายสินค้า แต่วันหนึ่งก็จะต้องนำเงินจำนวนมากเข้าธนาคาร ซึ่งสรรพากรสามารถตรวจพบได้ว่าเข้ากี่ครั้ง จำนวนเท่าไหร่ หรือหากวันหนึ่งทำธุรกิจแล้วมีเงินมากขึ้น อยากซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อทรัพย์สินอื่น ๆ เมื่อสรรพากรสุ่มตรวจแล้วประเมินว่ากิจการควรมีรายได้เท่าไหร่ อาจต้องจ่ายเบี้ยปรับเงินเพิ่มจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรวางแผนด้านบัญชีและภาษีอย่างรอบคอบ สำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาหรือสงสัยว่ามีปัญหาเรื่องเสียภาษี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 096-974-4164