"พรรคเพื่อไทย"เสนอ 6 มาตรการฟื้นฟู SMEs ชง 3 มาตรการเร่งด่วน หวังเป็นกลไก แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แนะเปิดทางผู้ประกอบการขนาดย่อม เข้าถึงแหล่งทุน ขจัดกฎหมายที่เป็นอุปสรรค 

วันที่ 15 ต.ค.2562 พรรคเพื่อไทยร่วมกับสถาบันสร้างไทย จัดเสวนาวิชาการในหัวข้อพลิกวิกฤต SMEs ไทยให้ทันโลก โดยเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมและ SMEs ร่วมเสวนา ประกอบด้วยนายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย นายกฤษณ์ สิงห์สำราญ ที่ปรึกษาสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย นายสุปรีย์ทองเพชร รองประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย รวมถึงนายกสมาคมการค้าวัสดุอุปกรณ์การพิมพ์ไทย ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีนายโภคิน พลกุลประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายกิตติรัตน์ ณระนอง รองหัวหน้าพรรคร่วมเสวนา

คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ได้ศึกษาและทำงานอย่างหนักเกี่ยวกับSMEsมาโดยตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา SMEs ยังไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งพรรคไทยรักไทยได้เริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และเมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้ง ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชนว่า SMEs คือการให้โอกาสกับคนตัวเล็ก เพราะในอดีตทรัพยากรจะอยู่ในกลุ่มทุนใหญ่แต่กลุ่มทุนเล็กกลับขาดโอกาส พรรคไทยรักไทยจึงมองว่า SMEs คือโอกาสที่คนตัวเล็กจะได้เป็นเจ้าของธุรกิจและ SMEs จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 

จนสุดท้ายเมื่อฝ่าฟันอุปสรรคทำให้ SMEs ประสบความสำเร็จและคนตัวเล็กตัวน้อยได้เป็นเจ้าของธุรกิจอย่างมีศักดิ์ศรีและเป็นกลไกในการสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยได้สำเร็จ ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับ SMEsมาโดยตลอดโดยเฉพาะหลังวิกฤตต้มยํากุ้งโดยมองว่าปัจจัยใดที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจซึ่งหนึ่งในนั้นคือ  SMEs โดยเฉพาะการสร้างกำลังซื้อให้กับคนในประเทศได้จัดตั้ง SMEs Bank และพยายามลดเงื่อนไขให้  SMEs เข้าถึงแหล่งทุนได้ 

ในอดีตพรรคไทยรักไทย พยายามแก้ไขหลักเกณฑ์เพื่อให้คนตัวเล็กสามารถเข้าถึง แหล่งทุนได้มากขึ้น พร้อมปรับโครงสร้างหนี้ให้เกิดการแก้ไขหนี้เสียจนระดับหนี้ขึ้นมาอยู่ในระดับสากลพร้อมหาตลาดSMEs ใหม่ โดยรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นผู้ขาย นำสินค้าของประเทศไทยไปขายและหาโอกาสเจรจาด้านการค้าให้กับกลุ่มธุรกิจ SMEs เปิดเจรจาการค้าเสรี ถึงวันนี้หากมีรัฐบาลที่ดีเชื่อมั่นว่า SMEs จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่วันนี้การขาดความเข้าใจของรัฐบาลทำให้ SMEs ประสบปัญหา "แต่เราพรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมให้  SMEs ตายอย่างเด็ดขาด"

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่าSMEs  ปัจจุบันมีประมาณ 3 ล้านราย จีดีพีของ SMEs อยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 12 ของ GDP ทั้งประเทศ ดังนั้นรัฐต้องหยุดอุ้มธุรกิจขนาดใหญ่ต้องเติมน้ำมัน เติมกำลังให้ SMEs ขับเคลื่อนต่อได้เศรษฐกิจประเทศจึงจะไปได้ไม่เช่นนั้นหาก SMEs ตายคนตกงานจะเพิ่มอีกจำนวนมหาศาล รัฐบาลที่ทำงานเป็นคิดเป็นจะต้องสร้างนโยบายที่สนับสนุนให้คนตัวเล็กอย่าง SMEs มีกำลังเดินได้รัฐบาลที่เห็นแก่ตัวเท่านั้นที่มุ่งสนับสนุนแต่ธุรกิจขนาดใหญ่แต่หากเป็นรัฐบาลที่คิดถึงประชาชนจะต้องมุ่งให้ธุรกิจที่ขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วประเทศเดินได้ 

โดยพรรคเพื่อไทยมี 6 มาตรการที่ทำให้ SMEs แข็งแรงคือ ทำให้โลกทั้งโลกเป็นตลาดให้ SMEs และติดปีกให้ SMEs สามารถก้าวไปสู่ตลาดโลกและต้องขายได้ทั่วประเทศ รัฐบาลต้องส่งเสริมและเข้าใจตลาดยุคใหม่โดยส่งเสริมให้ SMEs เข้าสู่ Ecommerce อย่างเป็นระบบและแข็งแรงพอ สนับสนุนทุน ให้กับคนตัวเล็กรวมถึงการดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศต้องพร้อมส่งเสริม SMEs ให้มี boi หรือสิทธิพิเศษ 

ทั้งนี้ มาตรฐานที่ พรรคเพื่อไทยต้องการให้ SMEsมีสิทธิพิเศษเหมือนกับที่คนตัวใหญ่ ได้รับ ทั้งเรื่องภาษีระบบศุลกากรและใบอนุญาต แต่ปัจจุบัน SME กลับต้องเดินเองและต่อสู้เองในเรื่องดังกล่าว ต้องทำให้  SMEs เกิดการรวมแบรนด์ เพื่อขับเคลื่อนไปได้ และต้องทำลายอุปสรรคขัดขวางการทำมาหากินคนตัวเล็กโดยเฉพาะกฎหมายต้องได้รับการแก้ไขและปรับเปลี่ยน เพื่อเป็นการสนับสนุน SMEs ให้คนตัวเล็ก ไม่ใช่ออกกฎหมายเหมือนคนตัวเล็กเป็นโจร เหมือนที่กำลัง ทำอยู่ในปัจจุบันดังนั้นกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของคนตัวเล็กต้องถูกขจัด  ขณะที่ 3 มาตรการเร่งด่วนซึ่งจะเป็นการส่งเสริม SMEs คือการปรับโครงสร้างหนี้ SMEs อย่างเร่งด่วนเพื่อให้ SMEs มีกำลังที่จะลุกขึ้นมาสู้ต่อ ต้องเตรียมความพร้อมให้ SMEs โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโรงงานผลิตให้ปรับตัวแข่งขันได้โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแข่งขันทางภาวะสงครามเศรษฐกิจโลก และ 3 รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อทั่วโลก เช่น Sector เรื่องการท่องเที่ยว ต้องบินไปพูดคุยหรือหามาตรการยกเว้นวีซ่าอย่างในประเทศจีน อินเดียก็จะสามารถดึงการท่องเที่ยวกลับมาได้แต่ยังไม่เห็นรัฐบาลดำเนินการ