วันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2563 การประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ ที่ จ.นราธิวาส เช้าวันนี้เริ่มที่การประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน นราธิวาส ปัตตานี และยะลา ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน จะมีแผนงานเพื่อเร่งรัดการเดินหน้าโครงการสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่กำหนดให้จังหวัดยะลาเป็นเมืองต้นแบบ ต่อมาคือ การพัฒนาที่พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน จังหวัดปัตตานีเป็นเมืองต้นแบบ โมเดลอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และจังหวัดนราธิวาส เป็นเมืองต้นแบบ การค้าชายแดนระหว่างประเทศ

โดยจะพิจารณาหลายโครงการสำคัญ เช่น การเร่งรัดการจัดซื้อที่ดินพัฒนาเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส เนื้อที่ประมาณ 1,683 ไร่ การเสนอจัดตั้ง duty free ที่ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก เบตง และ หนองจิก โดยอนุญาตให้ประชาชนทั่วไป สามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีได้ ในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท ภายใน 30 วัน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ การขอรับการสนับสนุนด้านอัตรากำลัง มาเพิ่มศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์ การปรับปรุงถนนจากอำเภอเมืองยะลาไปสู่อำเภอเบตง เป็นถนน 4 เลน การขยายผิวจราจรจาก 9 เมตร ให้เป็น 12 เมตร เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โครงการส่งเสริมการผลิตพืชน้ำมันคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมเกษตร และโครงการพัฒนาศักยภาพปศุสัตว์อย่างครบวงจรชายแดนใต้ เป็นต้น

ส่วนวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ครั้งนี้ ที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ประชุมจะเตรียมให้ กรมควบคุมมลพิษ เสนอ 12 มาตรการยาแรง การแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยัง เตรียมเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ด้าน กระทรวงคมนาคม จะเสนอแนวทางยุติข้อพิพาททางด่วน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ที่มีภาระหนี้กว่า 1.3 แสนล้านบาท          

ขณะที่ทาง สำนักงาน กกต. จะเตรียมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกำแพงเพชร เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง ส่วน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เตรียมเสนอโครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : นวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และ ระบบอัจฉริยะ

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งส่งผลกระทบในหลายจังหวัด ว่า เป็นปัญหาที่นานาประเทศกำลังประสบ สำหรับประเทศไทย ภาครัฐได้ออกมาตรการต่างๆมาบรรเทาสถานการณ์ ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชน ให้สามารถผ่านพ้นปัญหาได้ด้วยดี 

ทั้งนีั หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขคือการรักษาสุขภาพของประชาชน เรารับรักษาทุกคนที่มีอาการป่วย หากไอ จาม มีผื่นขึ้นตามร่างกางกายสามารถไปสถานพยาบาลของรัฐได้ ทั้งโรงพยาบาล และ รพ.สต.อย่าปล่อยให้ป่วยหนักแล้วจึงมาโรงพยายาล เพราะตามธรรมชาติ การเจ็บป่วยน้อย ย่อมรักษาได้มีประสิทธิภาพกว่า

ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์การรับมือกับฝุ่น จัดทีมแพมท์ดูแลภาวะเจ็บป่วยอันเกิดจากฝุ่น สนับสนุนหน้ากากอนามัย 4 แสนชิ้น กระจายตามสถานพยาบาลของรัฐ ขอความร่วมมือกับชุมชน ไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง

นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีบทบาทในการรักษา ซึ่งทำเต็มที่แน่นอน รักษาจนดีขึ้น ไม่ปล่อยปละละเลย แต่ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพของตัวเองไปพร้อมกัน ปัจจุบันหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM2.5 หาซื้อได้ง่ายกว่าเดิมมาก และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะ เด็ก ผู้ป่วย สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ  

"ในเรื่องการทำงานที่บ้าน สำหรับหน่วยงานภาครัฐต้องหารือเรื่องกฎระเบียบ ซึ่งมีความซับซ้อน แต่หน่วยงานภาคเอกชน สามารถเดินหน้าได้สะดวกกว่า ซึ่งตนมั่นใจว่าวิธีนี้ จะช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 เพราะจะลดการเผาไหม้จากการใช้รถในการสัญจร และยังรักษาสุขภาพของพนักงานในหน่วยงานที่นำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติ ขณะที่บริษัทได้ประหยัดค่าน้ำค่าไฟ ลดค่าใช้จ่าย"