วันเสาร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 07:27 น.

การเมือง

รุมกินโต๊ะเสียบบัตรแทนงบฯปี63! "อนุสรณ์"ถามเสียงหนุนไม่ถึงกึ่งถือว่าผ่านสภาฯหรือ

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563, 10.04 น.

"ชูศักดิ์" สวน "วิษณุ"ปม ส.ส.รัฐบาลเสียบบัตรแทนกันตัองใช้บรรทัดฐานเดียวกับสมัย "ยิ่งลักษณ์" เพราะประเด็นอยู่ที่ว่าร่างพ.ร.บ.งบฯตราขึ้นโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่วนใครเป็นคนกดบัตร เป็นอีกประเด็นหนึ่ง "อนุสรณ์" ถามถ้าเสียงผ่านงบเหลือ 249 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ถือว่างบผ่านสภาฯหรือไม่       

วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2563 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันของ ส.ส.ในการพิจารณาร่าง พรบ.ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กับ กรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563  

โดยนายวิษณุ เห็นว่ามีความแตกต่างกันและอาจมีผลที่ต่างกัน ซึ่งไม่อาจนำบรรทัดฐานคำวินิจฉัยเดิมมาใช้ได้นั้น นายชูศักดิ์ฯได้กล่าวว่า หากพิจารณาหลักเกณฑ์การตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง(1) ที่ให้สิทธิ ส.ส.หรือ ส.ว.หรือทั้ง ส.ส.และ ส.ว.จำนวนหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภานั้นหรือประธานรัฐสภา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่าง พรบ. นั้น จะมีสองกรณี กล่าวคือ
      
กรณีแรก ร่าง พรบ.นั้นตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ อันเป็นการตรวจสอบเกี่ยวกับกระบวนการตราร่าง พรบ.
      
กรณีที่สอง ร่าง พรบ.นั้นมีข้อความขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ อันเป็นการตรวจสอบเกี่ยวกับเนื้อหาของร่าง พรบ.
       
ความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่าง พรบ.หากเป็นกรณีแรก ถือว่าร่าง พรบ.นั้นตกไปทั้งฉบับ เพราะตราขึ้นโดยไม่ชอบ แต่หากเป็นกรณีที่สอง จะต้องพิจารณาว่าข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสาระสำคัญของร่าง พรบ.นั้นหรือไม่ ถ้าเป็นสาระสำคัญก็ถือว่าร่าง พรบ.นั้นตกไปทั้งฉบับ แต่ถ้าไม่ใช่สาระสำคัญ ก็ตกไปเฉพาะข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น
       
กรณีดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ว่าร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 
        
โดยในส่วนที่เห็นว่า ร่าง พรบ.ดังกล่าวตราขึ้นโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้นมาจาก การที่มี ส.ส.ใช้บัตร ส.ส.อื่นลงคะแนนแทนกัน  เมื่อเปรียบเทียบกับการพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563 ซึ่งมีข้อเท็จจริงว่ามี ส.ส.กดบัตรลงคะแนนแทนกันจริงตามที่เลขาธิการสภาฯได้ตรวจสอบ แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นผู้ใดก็ตาม แต่ก็ถือว่ากระบวนการตราร่าง พรบ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่วนการตรวจสอบต่อไปว่าผู้ใดเป็นคนกดบัตรแทนโดยกระทำไปโดยพลการหรือมีการมอบหมายหรือไม่นั้นเป็นเรื่องการหาตัวผู้กระทำผิดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้บรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ตามคำวินิจฉัยข้างต้นจึงยังนำมาใช้ได้ 
     
ดังนั้น การที่นายวิษณุอ้างว่าเป็นคนละกรณีกัน ความผิดต่างกัน โทษต่างกัน และผลต่างกัน จึงไม่น่าจะถูกต้อง ส่วนที่อ้างว่ามีการเสียบบัตรทิ้งไว้โดยที่เจ้าของไม่ได้มอบหมายหรือวานให้กดแทน นอกจากเป็นการแก้ตัวแทน ส.ส.ฝ่ายตนเองแล้ว ก็ไม่อาจนำมาอ้างได้ เพราะกระบวนการตราร่าง พรบ.ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องพิจารณาจากตัวข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีการกดบัตรแทนกันหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎชัดว่ามีการกดบัตรแทนกันแม้ยังไม่ปรากฏชื่อผู้กระทำแต่ถือว่ากระบวนการไม่ชอบแล้ว ยิ่งนายวิษณุไปอ้างถึงความบกพร่องของเครื่องก็ยิ่งไปกันใหญ่          
        
สำหรับประเด็นที่นายวิษณุอ้างว่า ลำพังเพียงกระบวนการตราร่าง พรบ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่ทำให้ร่างกฎหมายตกไป อาจเป็นการตีความกฎหมายที่เข้าข้างตนเองและผิดไปจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรคหนึ่ง(1) ทั้งนี้เพราะเมื่อกระบวนการตราร่าง พรบ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่ามติของสภาผู้แทนราษฏรในกระบวนการตราร่างพรบ.ดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันมีผลให้ร่าง พรบ.นั้นตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ร่าง พรบ.จึงต้องตกไปทั้งฉบับ
      
นายชูศักดิ์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยทุกวันนี้ที่มีความขัดแย้งกันมายาวนาน ส่วนหนึ่งก็มาจากการบังคับใช้กฎหมายและตีความกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ยิ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยิ่งควรทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และบังคับใช้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีการบิดเบือนหรือใช้อภินิหารทางกฎหมายบ่อยนัก เพราะจะทำให้ชาติบ้านเมืองเดินไปลำบาก 

"อนุสรณ์" ถามถ้าเสียงผ่านงบเหลือ 249 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ถือว่างบผ่านสภาหรือไม่

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส. ระหว่าง พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2563 ว่า ผลโหวตลงมติวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 มีมติเห็นด้วย 253 ต่อ 0 เสียง หากตรวจสอบแล้วไม่ใช่ 253 เสียง ที่เกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 3 เสียง แต่กลายเป็นเพียง 249 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง อันเกิดจากกรณีเสียบบัตรแทนกัน 4 เสียง จากส.ส.พรรคภูมิใจไทย 2 เสียง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 2 เสียง ยังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2563 ผ่านความเห็นชอบจากสภาอย่างถูกต้อง จนถึงขณะนี้กรณีเสียบบัตรแทนกันมีถึง 4 ราย และหากตรวจสอบลึกลงไปอาจพบมากกว่านี้อีกก็ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เจอปมนี้เข้าไปเซลล์สมองอาจเหลือน้อยกว่าเดิม มาตรการทางเศรษฐกิจที่ไม่มีแผนกระตุ้นอย่างเป็นรูปธรรม เงินบาทแข็ง ส่งออกวิกฤติ ลูบหน้าปะจมูก ว่าหนักแล้ว หากงบล่าช้าไปอีก 3-4 เดือน ประชาชนจะไม่ทน คนจะออกมาวิ่งไล่ลุงกันมากขึ้น อันตรายถึงความอยู่รอดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดเอาตามความเห็นของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่มีคนตั้งฉายาให้ว่า บิดาแห่งข้อยกเว้น โชคคงไม่เข้าข้างตลอดไป ต้องหาทางแก้ไขโดยเร็ว

"ความรับผิดชอบทางการเมือง สูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2563 ล่าช้า จนทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส พล.อ.ประยุทธ์ ควรลาออก" นายอนุสรณ์ กล่าว

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเสียบบัตรเพื่อลงคะแนนแทนกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้นว่า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซากในทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎร เปลี่ยนวิธีการลงคะแนนจากยกมือมาเป็นลงคะแนนทางอิเลคโทรนิค หรือเสียบบัตรลงคะแนน แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะอยู่ที่จิตสำนึก ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล 

ดังนั้นต้องหามาตรการควบคุม ป้องปราม เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวหรือเกรงกลัวต่อการกระทำผิด ไม่ให้มีพฤฒิกรรมเสียบบัตรแทนกันอีกต่อไป ในฐานะที่เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาคำร้องกรณีการกดบัตรแทนของนายขจิตร ชัยนิคม เมื่อครั้งการลงมติในญัตติเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 นั้น ก็ไม่สามารถตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิดในการกดบัตรแทนกันได้สาเหตุเกิดจากกล้องบันทึกภาพถ่ายทอดสดของทีวีรัฐสภาไม่สามารถจับภาพในขณะที่มีการกดบัตรลงคะแนนได้อย่างทั่วถึง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก 

ที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร จึงได้เชิญผู้อำนวยการสำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจงและรับทราบมติของคณะกรรมาธิการฯ โดยเสนอให้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดซื้อและติดตั้งทีวีวงจรปิด(CCTV) จำนวนกว่า 10 ชุด เพื่อติดตั้งในห้องประชุมสุริยัน ซึ่งจะเปิดใช้สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และการประชุมร่วมรัฐสภา ในสมัยประชุมสามัญครั้งหน้า เพื่อจับภาพและตรวจสอบการลงมติทุกครั้ง ซึ่งจะเป็นวิธีการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการกดบัตรลงคะแนนแทนกันเกิดขึ้นอีกในโอกาสต่อไป

"ชวน"ห้าม"เสียบบัตรแทนกัน"ไม่ว่ากรณีใด

รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีล่าสุดที่มีการเผยแพร่คลิป ส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า สภาฯ ต้องตรวจสอบทุกกรณี ไม่เช่นนั้นจะไม่ยุติธรรม และไม่ว่าจะเสียบบัตรแทนกันในกรณีใดก็ทำไม่ได้ แม้เครื่องลงคะแนนในห้องประชุมมีไม่เพียงพอ ส.ส.ก็ไม่สามารถฝากบัตรเสียบแทนกันได้ ซึ่งโดยทั่วไป ส.ส.เขาจะไม่ยุ่งกับบัตรของคนอื่น
          
ส่วนคำร้องที่ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขั้นตอนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ2563 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า คาดว่าวันนี้ ฝ่ายเลขาธิการฯ จะตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดว่าถูกต้องหรือไม่แล้วเสร็จ ก็จะส่งกลับมาที่ตนเพื่อทำเรื่องส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในวันนี้ เพราะต้องรีบ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถวินิจฉัยอะไรแทนศาลรัฐธรรมนูญได้ ทั้งนี้ คงต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าใด เชื่อว่าไม่นานคงจะรู้ผล เพราะศาลทราบดีว่าจะต้องรีบพิจารณาเรื่องนี้
          
เมื่อถามว่า หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 63 เป็นโมฆะจริง จะมีทางออกอย่างไร นายชวน กล่าวว่า ตามปกติ ถ้างบประมาณปีใหม่ยังไม่เริ่มใช้ ก็ให้ใช้งบประมาณเดิมไปก่อน ดังนั้น เงินเดือนของข้าราชการก็เป็นไปตามปกติ เพียงแต่โครงการพัฒนาต่างๆ ไม่สามารถเดินหน้าได้
          
ส่วนการแก้ไขปัญหาเสียบบัตรแทนกันในอนาคตนั้น นายชวน กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นบทเรียน สำหรับทุกพรรคการเมืองและทุกคน แต่เชื่อว่าพรรคการเมืองไม่มีใครเจตนาให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่มันเกิดขึ้นเพราะมีสมาชิกบางคนไม่ระวัง ทั้งที่ตนย้ำไปแล้วว่าวันเด็กนั้น ส.ส.ไปร่วมกิจกรรมไม่ได้ เพราะติดภารกิจพิจารณางบประมาณ
          
"ต้องยอมรับว่าสภาฯ แห่งนี้ยังไม่พร้อมสำหรับการประชุม ส.ส.เนื่องจากที่นั่งยังไม่มีที่นั่งประจำของตัวเอง เพราะยังต้องยืมห้องประชุมจันทรา ของวุฒิสภาใช้และหาก ส.ส.มีที่นั่งประจำ ก็จะทราบว่าใครลงคะแนนอย่างไร เพราะเป็นเครื่องประจำเหมือนกับห้องประชุมวุฒิสภาตอนนี้ก็รู้ว่าใครนั่งตรงไหน แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล" นายชวน กล่าว

"สมศักดิ์"รับ ส.ส.รัฐบาล "เสียบบัตรแทน" ทำไม่ถูก 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.หญิงของพรรค เสียบบัตรแทนกันในการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณประจำปีงบประมาณรายจ่าย 2563 ว่า ตนยังไม่ทราบ เป็นรายละเอียดของฝ่ายกฎหมาย
          
ผู้สื่อข่าวถามว่าในพรรค พปชร.มีการพูดคุยเรื่องนี้กันหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการประชุม ส.ส.ของพรรคไปแล้ว จึงยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ ซึ่งเท่าที่ตนเห็นเกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่จะตามมา สุดท้ายจะเป็นอย่างไรตนไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะว่าไม่เคยมีประสบการณ์
          
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดจาก ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะจบอย่างไร ผมก็ไม่ทราบ”
          
เมื่อถามว่าพรรค พปชร. จะมีบทลงโทษ ส.ส.ที่ถูกระบุเสียบบัตรแทนกันหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องของการลงโทษมันคงทีหลัง เพราะเรื่องอื่นที่มันจะเป็นผลปรากฎตามมาตอนนี้ มันมีเรื่องอื่นที่จะมาถึงก่อน เดี๋ยวฟังแล้วจะสับสนกันไปใหญ่
          
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่างบประมาณฯ จะล่าช้าไปกันใหญ่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มันเป็นผลกระทบกับทุกคนของประเทศเรา และภาพรวมของเศรษฐกิจ แต่จะมีผลกระทบแค่ไหนอย่างไร ตนไม่สามารถคาดเดาได้

หน้าแรก » การเมือง