วันเสาร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 10:48 น.

การเมือง

"สุดารัตน์"ลุยแจกหน้ากาก ฉะรบ.ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนPM 2.5

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563, 14.39 น.

"สุดารัตน์" ฉะ รัฐบาลอย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เมิน PM 2.5 แล้วยังโทษประชาชน จี้จัดหาหน้ากากกันฝุ่นที่มีคุณภาพและราคาถูกให้ประชาชนเข้าถึงได้ พร้อมนำทีมเพื่อไทยเดินแจกหน้ากากให้ประชาชนย่านอโศก แฟนคลับแห่ถ่ายภาพคู่

วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2563 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส, นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์  รองโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะทำงาน เดินเท้าแจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่ย่านอโศก บริเวณถนนอโศกมนตรี  โดยเริ่มจากสถานีบริการน้ำมันเชลล์ ผ่านตึก GMM, อาคารบีบีโฮลดิ้ง และข้ามฟากถนนไปที่แกรนด์คลิว มิดทาวน์ อโศก ซึ่งมีประชาชนพลุกพล่าน แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย และต่างปลื้มที่ได้รับเเจกหน้ากากกันฝุ่นที่มีคุณภาพ  โดยประชาชนที่รับหน้ากากอนามัยส่วนหนึ่งแกะซองสวมใส่ทันที พร้อมกับขอถ่ายภาพคู่กับคุณหญิงสุดารัตน์จำนวนมาก

จากนั้น เลี้ยวเข้าซอยตลาดรวมทรัพย์  และแจกจ่ายหน้ากากอนามัยแก่พ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายใช้สอยภายในตลาด ซึ่งนอกจากจะได้รับการขอบคุณแล้วยังได้รับคำชื่นชมถึงการทำงานของคุณหญิงสุดารัตน์และพรรคเพื่อไทยด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าจากการใช้ชีวิตประจำวันเข้าใจสภาพและผลกระทบจากฝุ่นพิษ PM 2.5 ทั้งต่อตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งบุตรสาวก็เรียนหนังสือในเมือง แม้มีรถยนต์ส่วนตัวแต่ก็ใช้รถบริการสาธารณะเหมือนกัน ทำให้เห็นว่า "เหมือนประชาชนไม่มีทางเลือก คนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯไม่มีสิทธิ์เลือกอากาศบริสุทธิ์ที่จะใช้หายใจ" 

แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลประกาศให้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ขณะที่ประเทศจีนก่อนหน้านี้มีปัญหาฝุ่นมากกว่าประเทศไทย แต่ได้เริ่มมีมาตรการที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 2561 กระทั่งวันนี้ค่าอากาศดีกว่าในเมืองหลวงของไทย ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าใจว่าประชาชนไม่ได้หวังให้ฝุ่นพิษหมดไปภายในวันสองวันนี้ แต่อยากรู้ว่าฝุ่นพิษจะหมดเมื่อไหร่และภาครัฐจะทำอะไรบ้างเพื่อแก้ปัญหานี้ แต่ "ปัจจุบันรัฐบาลทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน นอกจากไม่ช่วยแก้ไขปัญหาแล้ว ยังกล่าวโทษประชาชนเป็นต้นตอปัญหาอีกด้วย" 

พร้อมกันนี้ มีข้อเรียกร้องและข้อเสนอต่อรัฐบาลคือ  1.)​ รัฐบาลต้องเร่งจัดหาหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพให้ประชาชนเข้าถึงได้ในราคาถูก ซึ่งไม่จำเป็นต้องแจกฟรีให้กับทุกคนแต่ต้องจัดหา หรือต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ว่าต้องไปหาซื้อที่ไหน โดยอาจใช้มาตรการลดภาษีให้ผู้ประกอบการ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพและราคาถูก 2.) รัฐบาลต้องไม่ปกปิดข้อมูลของสถานการณ์ PM 2.5 และต้องให้ความรู้แก่ประชาชนถึงผลกระทบต่อสุขภาพ ให้ประชาชนตระหนักรู้รวมถึงวิธีป้องกันเพื่อชีวิตที่ปลอดภัยในเบื้องต้น ซึ่งการที่รัฐบาลเมินเฉย สร้างความรู้สึกเหมือนว่าไม่แคร์หรือไม่สนใจประชาชนเลย

สำหรับบทบาทในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยนั้น ส.ส.ในสังกัดพรรคก็จะผลักดันให้รัฐบาลออกมาตรการระยะสั้นตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และมาตรการระยะยาวที่ให้ผลเป็นรูปประธรรม เนื่องจากการประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่ได้เตรียมการ เมื่อมีปัญหาแล้วค่อยมาแก้ไข ก็จะไม่ทันการณ์อย่างในปัจจุบัน โดยเทียบเคียงกับปัญหาภัยแล้งที่ภาครัฐ เพิ่งจะมาขุดบ่อเมื่อมีภาวะน้ำแล้งแล้ว ย่อมไม่เกิดผลหรือไม่สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งได้

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหา PM 2.5 นอกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยว่า จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับปัญหาและพยายามหาผู้สนับสนุนหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพมาแจกจ่ายหรือให้วางจำหน่าย รวมถึงประสานกับผู้ประกอบการที่หากยินดีจัดหาและลดราคาในการจำหน่ายให้กับประชาชน ทางพรรคพร้อมจะประชาสัมพันธ์ให้ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึงได้

ส.ส. กทม.พลังประชารัฐรับข้อเสนอเยาวชนแก้ PM2.5 

นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ รับข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากตัวแทนเยาวชนกลุ่ม Mayday ที่ต้องการทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อเพิ่มมาตรการบางอย่างเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นมาตรการที่กลุ่มMayday โดยได้มีการรวบรวมความคิดเห็นจากประชาชน ผ่านทางเพจ Mayday ซึ่งไม่ว่ามาตรการจะออกมาดีกว่าไร แต่หากภาคประชาชนไม่ตอบรับกับมาตรการดังกล่าวก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มก็ได้อาสาด้วยการโพสต์คำถามกับประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยการให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถขนส่งสาธารณะมากขึ้น ประชาชนพร้อมหรือไม่ที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขพร้อมไปกับรัฐบาล ปรากฎว่ามีการตอบรับจากประชาชนจำนวนมากที่พร้อมจะเปลี่ยนและร่วมมือกับรัฐบาล

ทั้งนี้ มาตรการที่กลุ่ม Mayday ได้นำเสนอนั้นคือ รัฐบาลควรสนับสนุนสิ่งใดบ้างที่ทำให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น โดยแยกออกเป็น 3 เรื่อง คือ เวลา ต้นทุน และความสะดวกสบายในการเดินทาง อาทิ ข้อเสนอให้มีการสร้าง Bus Lane ซึ่งหากมีการสามารถสร้างได้ระบบขนส่งสาธารณะจะสามารถทำเวลาได้ดีขึ้น ข้อเสนอให้รัฐบาลอุดหนุนค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางในช่วงวิกฤตินี้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางฟรีทั้งระบบขนส่งสาธารณะ หรือหากการใฟ้บริการฟรีทำได้ยากก็ใช้วิธีลดทอนลงบางส่วน จะเป็น 30% 50% หรือ 70% และสุดท้ายข้อเสนอในเรื่องเกี่ยวกับความสะดวกสบายที่ปฎิเสธไม่ได้ว่ารถเมล์หรือเรือโดยสารในปัจจุบันสภาพยังมีสภาพที่สกปรก ทำให้คนไม่พร้อมเปลี่ยนเนื่องจากความสะดวกสบายยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยน จึงเสนอให้มีการจัดหารถใหม่ที่สามารถใช้ได้โดยทันที 

ด้านนางสาวภาดาท์ ได้กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ความห่วงใยในเรื่องของสุขภาพประชาชน และปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้มีแค่ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีเยาวชนอย่างกลุ่ม Mayday ที่มีความมุ่งมั่นและต้องการช่วยสังคมในการหามาตรการและช่วยคิดว่ามีสิ่งใดที่พอจะเป็นประโยชน์ช่วยประเทศชาติในยามวิกฤติเช่นนี้ได้ พร้อมขอขอบคุณที่ได้นึกถึงและมายื่นข้อเสนอให้กับพรรคพลังประชารัฐเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนต่อไป ซึ่งตนในฐานะ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งยังเป็นกรรมาธิการคนหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นมลพิษ(PM2.5)ในประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยหลังจากนี้ตนจะได้นำเอาข้อเสนอนี้เข้าสู่ที่ประชุมของกรรมาธิการเพื่อพิจารณา รวมถึงขอเชิญกลุ่ม Mayday เข้ามามีส่วนในการคิดและทำงานร่วมกันทั้งในส่วนของกรรมาธิการ หรือในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเอง ซึ่งมาตรการหลายข้อที่นำเสนอก็ตรงกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามดำเนินการอยู่ และมีบางข้อเสนอก็น่าสนใจ เช่นในช่วงวิกฤติที่ต้องการให้ประชาชนร่วมกันลดใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยให้หันมาใช้ขนส่งสาธารณะนั้น เราควรจะต้องมีมาตรการเหมือนเช่นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะช่วยเหลือประชาชนในระยะสั้น เช่นช่วยลดค่าโดยสารทั้งรถขนส่งสาธารณะ หรือรถไฟฟ้า ซึ่งมาตรการนี้ถือว่าน่าสนใจและจะลองนำเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป

 

หน้าแรก » การเมือง