การเมือง
นายกฯประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามทุกคนออกนอกเคหสถาน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

นายกฯประกาศแล้ว เคอร์ฟิวทั่วประเทศ เริ่ม 3 เม.ย. เวลา 22.00 – 04.00 น. ห้ามทุกคนออกนอกเคหสถานทั่วราชอาณาจักร ฝ่าฝืนโทษหนักคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 2 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ประกาศมาตรการห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ทั่วราชอาณาจักร ในระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. โดยเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 3 เม.ย.63
สำหรับข้อกำหนด ออกตามความใน มาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) เพื่อให้มีมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 – 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น หรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่ง น้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อกานำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็น หรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้า หรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระว่างโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้าม เตือน หรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สำหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวด หรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย
ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใดซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจัดที่เอกเทศเพื่อควบคุม หรือกักกันบุคคลดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าว่า พี่น้องประชาชนที่รักยิ่ง ตนฐานะนายกฯ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารโควิด-19 หรือศบค.ขอรายงานความคืบหน้าการดำเนินแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินของศูนย์ดังต่อไปนี้ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำคัญที่สุดต่อสุขภาพของพวกเราทุกคนโดยเน้นมาตรการ เว้นระยะห่างทางสังคมและรณรงค์ให้ทุกคน “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"รวมทั้งปฏิบัติตนตามคำแนะนำของหมอ บุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับการสนับสนุนเร่งด่วน หน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างทันกาลและทั่วถึง ในโรงพยาบาลทุกพื้นที่ ตนถือเรื่องนี้สำคัญมาก ต้องมีระบบการกระจายที่มีประสิทธิภาพ ขาดแคลนไม่ได้ ตนจะติดตามด้วยตัวเอง เพื่อให้ทีมหมอและพยาบาลที่เปรียบเสมือนนักรบที่อยู่แนวหน้าคอยต่อสู้และสกัดกั้นข้าศึกที่มองไม่เห็น ด้วยความเสียสละและอดทน ตนในฐานะแม่ทัพจะไม่ยอมให้กำลังหลักของเรา ต้องต่อสู้ภายใต้ความขาดแคลนไม่ได้อย่างเด็ดขาด และต้องมีขวัญ กำลังใจ ที่เข้มแข็งอยู่เสมอ เพื่อมีพลังเอาชนะวิดฤติครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ผมขอยืนยันเรามียาที่จำเป็นในการรักษาอย่างเพียงพอ และมีแผนการจัดหาเพิ่มเติมจากต่างประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่อาจลุกลามขึ้นได้ในอนาคต นอกจากนั้นเรายังมีความพร้อมเรื่องของเตียงสำหรับผู้ป่วย โดยเราสามารถเพิ่มศักยภาพจากโรงพยาบาลทุกสังกัด หอพัก และโรงแรมให้พร้อมรองรับผู้ป่วยที่อาจจะเพิ่มขึ้น ขอเชื่อมั่นว่าผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทุกคน จะมีเตียงและยาดูแลรักษาอาการป่วยตามมาตรฐานสากลทุกประการ นอกจากนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคนี้รัฐบาลถือว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ดังนั้นจะมี 3 กองทุน กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนรักษาพยาบาลประกันสังคม และกองทุนรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการ มารับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้
ด้านป้องกันและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการรักษาความมั่นคง เรายึดหลักสุขภาพนำเสรีภาพ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือจำกัดการเดินทาง – การเคลื่อนย้ายคน และจำกัดการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ในพื้นที่เสี่ยง การแพร่ระบาดต่างๆ โดยแต่ละพื้นที่ จะตัองออกมาตรการที่เข้มงวด สอดคล้องตามสถานการณ์ และคำแนะนำทางการแพทย์ ปัจจุบันบางจังหวัดได้ยกระดับมาตรการทางการปกครอง เช่น การกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้านค้า และเวลาออกจากบ้าน (เคอร์ฟิว) เพิ่มเติมแล้ว เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดให้ได้ ได้แก่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งต้องเอาจริงเอาจัง เราอาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบายเช่นปกติบ้าง แต่เราทุกคนต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมเราจึงจะฝ่าวิฤกตินี้ไปได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาด และลดการสัญจรของพี่น้องประชาชน ผมจะประกาศข้อกำหนด ห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม ถึงตี 4 ทั่วราชอาณาจักร โดยเว้นผู้ที่มีเหตุจำเป็น หรือผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าที่จำเป็น เพื่ออุปโภคบริโภค ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ เชื้อเพลิง รวมถึง การเดินทางของประชาชนเพื่อเข้า-ออกเวรทำงาน หรือการเดินทางมาหรือไปท่าอากาศยาน ทั้งนี้ให้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่นั้นๆ ทั้งนี้ เริ่มในวันที่ 3 เม.ย.เวลา 4 ทุ่ม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก และไม่ต้องกักตุนสินค้า อาหาร เพราะยังสามารถออกมาซื้อหาข้าวของในช่วงกลางวันได้ตามปกติ แต่ต้องเคร่งครัดระยะห่างทางสังคมด้วย
ด้านการควบคุมสินค้า ผมได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์สำหรับประชาชน และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสินค้า โดยขอย้ำผมจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดกักตุน หรือฉวยโอกาส หรือแสวงหาผลประโยชน์ ซ้ำเติมความทุกข์ยากของคนไทยด้วยกันในยามนี้ ที่ผ่านมาหลังจากที่รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนหาต้นตอของปัญหา ตลอดสายการผลิต ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง โดยสามารถจับกุมและเอาผิดผู้กระทำผิดไปแล้วหลายราย ซึ่งจะต้องรับโทษอย่างรุนแรง ทั้งนี้ การกักตุนสินค้ามีอัตราโทษสูง จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ. 1135
สำหรับด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น สำหรับประชาชนทุกกลุ่ม และผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ อาทิ เงินช่วยเหลือ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับลูกจ้างรายวัน อาชีพอิสระ แรงงานนอกระบบ 9 ล้านคน การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าและการใช้น้ำ รวมทั้งลดค่าน้ำ ค่าไฟ 3 เดือนสำหรับทุกครัวเรือน ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ขยายเวลาชำระตั๋วจำนำ และลดอัตราขั้นต่ำ การจ่ายหนี้บัตรเครดิตสำหรับประชาชนทั่วไป รวมทั้งแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคมด้วย ที่ลดการจ่ายเงินสมทบเหลือ 1% และขยายเวลาให้ 3 เดือน ส่วนผู้ประกอบการและเอสเอ็มอีรัฐบาลก็จะช่วยคืนสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่าย บริหารหนี้เดิมไม่ให้เป็น NPL ด้วยมาตรการด้านภาษีและการเงินและอีกหลายมาตรการ เพื่อทำให้ทุกคนมั่นใจเราไม่ทิ้งกัน
ด้านการต่างประเทศ ศบค.ได้ตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ โดยยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกประเทศอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เติมเข้ามาอีก ขอยืนยันชาวต่างประเทศ ไม่ได้เดินทางเข้ามาแล้ว ตั้งแต่ที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไป เว้นแต่เป็นผู้ที่ได้รับการยกเว้นตามข้อกำหนด เช่น คณะทูต หรือผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานในไทย หรือลูกเรือที่มากับเที่ยวบินนั้นๆ สำหรับคนไทยในต่างแดนเราไม่ทอดทิ้งกัน ลูกหลานญาติพี่น้องของเราเหล่านั้น ได้หาทางแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดในโลก จะได้รับการดูแลหากต้องการกลับเมืองไทยต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง การกักตัว และการเฝ้าระวัง อย่างเข้มข้น
อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ขอความร่วมมือชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันนี้ถึง 15 เม.ย. เพื่อรักษาสุขภาพคนไทยในประเทศและผู้ที่จะเดินทางกลับมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมการ มีการจัดระเบียบที่เหมาะสม และหากมีความจำเป็นเร่งด่วนขอให้ไปพบเจ้าหน้าที่สถานทูตหรือสถานกงศุลโดยทันที
สิ่งสำคัญอีกประการ คือ ด้านการสื่อสารในสภาวะวิกฤติ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ผู้ปฏิบัติงานมีความชัดเจน ไม่สับสน หรือสร้างความขัดแย้ง ศบค.จัดให้มีระบบการสื่อสารที่เป็น เอกภาพ ไปในทิศทางเดียวกัน โดยแถลงข่าวถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ในทุกช่องทาง เป็นประจำทุกวันหลังการประชุมในช่วงเช้า โดยโฆษกศูนย์ และผู้รับผิดชอบโดยตรงเท่านั้น งดเว้น และหลีกเลี่ยง การให้สัมภาษณ์ของผู้ที่ไม่ได้รับมอบหมาย หรือเกี่ยวข้องกับมาตรการต่างๆ ของศูนย์ ขอให้สื่อมวลชนทุกสำนัก รวมถึงสื่อโซเชียล ได้ใช้ความระมัดระวังในการสื่อสาร โดยขอให้ใช้ข้อมูลจากศูนย์นี้เท่านั้น ห้ามการสื่อสารที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด หรือบิดเบือนข้อมูล รวมถึงผู้ที่สร้างข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ และการส่งต่อข่าวปลอม ทั้งที่ไม่เจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่มีผลต่อความมั่นคง ก็จะมีโทษตามพ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้อย่างหนัก ดังนั้นต้องงดการส่งต่อข้อมูลที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือไม่มั่นใจ ควรส่งต่อข้อมูลที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ อาทิ ตัวอย่างการปฏิบัติตนตามนโยบายของภาครัฐ กิจกรรมจิตอาสา เป็นต้น
ความประทับใจท่ามกลางวิกฤตินี้ ตนและรัฐบาลได้ระดมผู้มีความสามารถ คนเก่งจิตอาสาวงการต่างๆทั้งด้านสาธารณสุข เทคโนโลยี การสื่อสาร และภาคธุรกิจอื่นๆ มาร่วมหารือกันแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน ขอขอบคุณจิตอาสาทุกท่านที่ไม่นิ่งดูดาย รวมพลังความรัก ความสามัคคี ร่วมกันทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ว่าจะร่วมบริจาคเงิน สิ่งของ อาหาร ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หลายคนเริ่มจากสิ่งง่ายๆ เขียนข้อความ ทำคลิป ทำป้ายให้กำลังใจกันและกัน น้ำใจไทยนั้นแหละเป็นสิ่งสำคัญ จะช่วยให้ประเทศไทยของเรา รอดพ้นจากวิกฤตินี้ไปได้
ผลการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ข้างต้นอย่างเคร่งครัด ทำให้สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในระดับที่ยังสามารถควบคุมได้ จำกัดการแพร่ระบาดของโรคได้ ไม่สูงถึงระดับของประเทศมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ทั้งนี้ เป้าหมายร่วมกันของเรา คือ ขจัดโรคภัยและเชื้อร้ายนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด และทุกคนปลอดภัย เราต้องไม่ประมาท ดังนั้นเราต้องไม่ประมาท เราต้องร่วมมือกัน ต้องไม่ปล่อยให้มีผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพวกท่า ทำให้ตัวเลขลดลงจนเป็นศูนย์ให้ได้ในเร็ววันต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างไม่ลดละ ต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด อย่างต่อเนื่อง โดยจำเป็นก็จะต้องยกระดับในบางพื้นที่ตามเหตุผลทางการแพทย์
ผมขอย้ำว่า ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมมือปฏิบัติตนตามมาตรการแยกตัวอยู่บ้าน เพื่อลดภาระทีมแพทย์และพยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เสียสละต่อสู้กันมานานหลายเดือน หากแนวหน้าเข้มแข็งและแนวหลังเข้มงวดประเทศไทยก็จะชนะศึกครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ ขอแสดงความขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกคน และทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ทั่วประเทศ ที่อดทน เสียสละ ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ในการดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยความเสี่ยงภัยและความยากลำบาก ขอให้ท่านรับรู้ว่า ทุกท่านไม่ว่าจะเป๋นเจ้าหน้าที่ ตำรวจ พลเรือน ทหาร เป็นบุคคลสำคัญในใจผมและคนไทยทุกคน ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า ตนจะทำทุกทางนำพาประเทศก้าวข้ามเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปให้ได้ อย่างมีสวัสดิภาพ อย่างพร้อมเพรียงกัน ขอให้พวกเราสู้ไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องชนะ”
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- “คนร้อยเอ็ดนัดรวมพลังปกป้องแผ่นดิน” พร้อมบุกกรุงเทพฯร่วม “รวมพลังแผ่นดิน ไล่อุ๊งอิ๊ง” 28 มิ.ย. 26 มิ.ย. 2568
- “ฮุนเซน” ปั่นอีก ขู่แฉ “ทักษิณ” มีแผนเปลี่ยนผู้นำประเทศไทย แถมดูหมิ่นสถาบัน 26 มิ.ย. 2568
- การสรรหาผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ส่อมีปัญหา จับตาผลประโยชน์ภายในทำสรรหาล่าช้า 26 มิ.ย. 2568
- กกต. แจ้งแนวทางปฏิบัติของว่าที่ผู้สมัคร อบต. ร่วมงานประเพณีในช่วงหาเสียง ต้องระวังไม่ให้ผิดกฎหมายเลือกตั้ง 26 มิ.ย. 2568
- "แอมเนสตี้" เปิดรายงาน "กัมพูชา" ล้มเหลวแก้ปัญหา"ค้ามนุษย์-แก๊งคอลฯ" 26 มิ.ย. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
กมธ.วุฒิสภาหนุน "กฎหมายข้าว" พลิกโฉมคุณภาพชีวิตชาวนา 21:02 น.
- ฮือฮา! “นายกอุ๊” พาไอศครีมละมุด 100 ปี อยุธยา คว้าแชมป์โลกอันดับ 1 บนเวทีออสก้าร์อาหารโลกที่โปรตุเกส 16:33 น.
- เปิดคำร้อง 36 สว. ขอศาลรธน.สั่ง นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่และถอดถอน 16:23 น.
- นายกฯเรียกถกใหญ่ 23 มิ.ย. หน่วยงานความมั่นคง สกัด "คอลเซ็นเตอร์" ฝั่งกัมพูชา 16:18 น.
- ศบ.ทก.ย้ำไทยไม่ผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ 16:02 น.