การเมือง
"บิ๊กตู่" เสนอพ.ร.ก.กู้เงินกู้ภัยโควิด 3 ฉบับ ต่อที่ประชุมสภาฯ พิจารณาเห็นชอบ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

วันที่ 27 พ.ค.2563 ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ. 2563 ทั้ง 3 ฉบับ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีรัฐมนตรี และส.ส.ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกน พร้อมทั้งมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้เป็นจุดๆบริการให้กับทุกคนด้วย โดยเป็นไปตามมาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
พ.ร.ก. 3 ฉบับ ได้แก่ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 , พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 และพระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 โดย ครม.เป็นผู้เสนอ
พล.อ.ประยุทธ์ ได้เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงหลักการและเหตุผลในการตราพระราชกำหนด 3 ฉบับ ว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคืนกลับมาสู่ประเทศ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขสถานการณ์และหยุดยั้งการระบาดของโรคระบาดโควิด-19 เพื่อสร้างความพร้อมด้านสาธารณสุขของประเทศ เพื่อเยียวยาเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบในการประกอบอาชีพจากมาตรการควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค โดยรัฐบาลจะต้องใช้เงินในการดำเนินการดังกล่าวจำนวน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่อาจดำเนินการได้ตามปกติหรือใช้การกู้เงินของรัฐบาลที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันได้ จึงต้องมีการออกพระราชกำหนดเพื่อดูแลและฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นทางเลือกสุดท้ายที่รัฐบาลตัดสินใจดำเนินการ เพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงความห่วงใยในประเด็นในการรักษาวินัยการเงิน การคลังของประเทศ และความคุ้มค่าในการใช้จ่ายเงิน จึงได้กำหนดหลักการที่สอดคล้องกับวินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อเป็นกรอบการกู้เงินไว้ในกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่ กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท โดยลงนามในสัญญากู้ไม่เกิน วันที่ 30 กันยายน 2564
นายกฯ กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการรักษาวินัยในการใช้เงิน รัฐบาลจึงได้กำหนดแนวทางการใช้เงินตามพระราชกำหนด ได้แก่ 1.กำหนดวงเงิน 450,000 ล้านบาท ที่ต้องนำเงินไปใช้ในแผนงานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส-19 2.กำหนดวงเงิน 555,000 ล้านบาท ที่ต้องนำไปใช้ตามแผนเพื่อชดเชยเยียวยาให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และ 3.กำหนดวงเงิน 400,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ตามแผนงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อชดเชยเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่ง ครม.มีอํานาจอนุมัติปรับเปลี่ยนกรอบวงเงินได้ตามความจำเป็น
นายกฯ กล่าวต่อว่า เพื่อให้การใช้จ่ายสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จึงกำหนดให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อพิจารณากลั่นกรองแผนงานหรือโครงการก่อนเสนอ ครม.และจำกัดการดำเนินโครงการพร้อมทั้งรายงานต่อ ครม.รวมถึงต้องมีการจัดทำรายงานผลการใช้เงินให้รัฐสภาทราบภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นปีงบประมาณ ซึ่งเป็นรายงานที่ครอบคลุมรายละเอียดขอลการกู้เงิน วัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายเงินกู้และผลที่ได้รับจากการใช้จ่ายเงิน
นอกจากนี้ จากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกจึงต้องมีแผนงานเพื่อให้ประชาชนดำรงอยู่ได้ไปพร้อมกับการรักษาสภาพเศรษฐกิจซึ่งเป็นเครื่องจักรของประเทศ จึงได้มีมาตรการพักชำระหนี้ การกำหนดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำทั้งกับประชาชนและผู้ประกอบการ ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนประกันสังคม ลดค่าการใช้น้ำ ลดค่าใช้ไฟฟ้า ขยายเวลาการชำระค่าน้ำและค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน ชะลอการจ่ายภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และมาตรการชดเชยรายได้ให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
"ขอยืนยันว่า การกู้คืนภายใต้พระราชกำหนดไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะและกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งเมื่อรวมการก่อหนี้ในครั้งนี้แล้วมีอัตราการก่อหนี้ สาธารณะต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ หรือ จีดีพี อยู่ที่ 57.6% ซึ่งถือว่าไม่เกินกรอบการก่อหนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพีที่กำหนดไว้ว่าหนี้สาธารณะต้องไม่เกินกรอบ 60% ของจีดีพี ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลสามารถบริหารจัดการในการชำระหนี้ได้ และยืนยันว่าการตราพระราชกำหนดครั้งนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จึงต้องมีการตราพระราชกำหนดดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาตามหลักการและเหตุผลดังที่กล่าวมา พร้อมทั้งขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ที่มีความห่วงใยต่อการใช้เงินจำนวนดังกล่าวด้วย" นายกฯ กล่าว
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การเมือง
Top 5 ข่าวการเมือง ![]()
- ลุ้น "อภิสิทธิ์" คืนเวทีการเมือง "กรณ์" เผยภาพคุยถึงอนาคตชาติทุกคนทุกรุ่นต้องการ 3 ต.ค. 2568
- โอกาสทอง ! กรมการจัดหางานเปิดทางเด็กช่างไทยโกอินเตอร์ ทำงาน UAE รายได้สูงสุด 90,000 บาท 3 ต.ค. 2568
- "ไทยก้าวใหม่" เปิดตัวพรรค ชูนโยบายธนู 4 ดอก ปฏิรูปประเทศให้สตรอง 3 ต.ค. 2568
- "อนุทิน" ปาฐกถา SX2025 ย้ำ "ความยั่งยืนคือทางรอด" รัฐบาลใช้ "โอกาส" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สังคม-สุขภาพ 3 ต.ค. 2568
- กกต.เชิญชวนเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 5 ตุลาคม 2568 3 ต.ค. 2568
ข่าวในหมวดการเมือง ![]()
"ณัฐพงษ์" เตือน "อนุทิน" วางตัวให้เหมาะสม อย่าฉวยปัญหาน้ำท่วมหาเสียงการเมือง ปมพูด "เลือกเต้ไปเลือกหนูเป็นนายกฯ" 18:59 น.
- เขื่อนพระรามหก “ธงแดง” ระดับน้ำเกณฑ์วิกฤต 17:50 น.
- “อนุทิน” ลงพื้นที่อยุธยาตรวจน้ำท่วม ย้ำมหาดไทยเร่งเยียวยา-ชี้ถึงเวลาสร้างถาวรวัตถุแก้น้ำท่วมยั่งยืน 16:34 น.
- "ธรรมนัส" ลุยตรวจน้ำท่วมลุ่มเจ้าพระยา–ป่าสัก ซัดกฎระบายน้ำล่าช้าทำชาวบ้านจมทุกปี 16:16 น.
- กองทัพภาค 2 แจงเขมรยิงช่องอานม้า เป็นยุทธวิธียั่วยุช่วง IOT ลงพื้นที่ ไทยไม่ตอบโต้เกินเหตุ ยันดูแล ปชช.ใกล้ชิด 15:00 น.