วันเสาร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567 01:51 น.

การเมือง

"บิ๊กตู่"เผย ศบค.เตรียมปลดล็อกเฟส3 เปิดเมืองเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดได้

วันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 19.19 น.

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 3 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ชุดใหญ่ที่จะมีการประชุมในวันที่ 29 พ.ค.ว่า จะมีการยกเลิกบางข้อกำหนดใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัดได้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้เชียวชาญด้านสาธารณสุขดูเรื่องนี้อยู่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตลอดเดือนมิถุนายนก็เพื่อให้ทุกพื้นที่ปลอดภัย แม้จะมีผู้ที่ไม่เห็นด้วย แต่เพื่อควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด รัฐบาลพยายามที่ปลดล็อกกิจการ/กิจกรรมระยะที่ 3 ให้ได้มากที่สุด แต่บางสิ่งจำเป็นต้องปิดจึงต้องขอความร่วมมือ เพราะไม่อยากให้เกิดความเจ็บป่วย จึงขอให้อดทน โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เพราะตนเองมีหน้าที่ดูแลประชาชนโดยรวม โดยได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยยึดหลักสำคัญคือ จะต้องป้องกันการแพร่ระบาดของเชี้อโควิด-19 ให้ได้

          
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่มีการเดินทางข้ามแดนเข้ามาก็ต้องเข้าสู่สถานกักกันตัวของรัฐ เพราะหากปล่อยเข้ามาตัวเลขอาจจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็อยู่ในกรอบที่รัฐบาลและด้านสาธารณสุขดูแลได้ จึงได้มีการเพิ่มจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งวันนี้อยู่ที่ 500 คนต่อวัน
          
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงในเรื่องของเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้มีการเยียวยาช่วยเหลือไปมากที่สุดแล้ว รวมถึงใช้งบประมาณที่สูงในการดำเนินการครั้งนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหามาตรการที่จะมาผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือทุกกลุ่ม แต่การ์ดจะต้องไม่ตก รวมถึงมาตรการที่ทางรัฐบาล และทางด้านสาธารณสุขออกมาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรฐานกลางที่รัฐบาลได้วางไว้ ไม่ว่าจะเปิดโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆ ทำการค้าขายก็จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งรัด ซึ่งหากร่วมมือกันเช่นนี้ ก็จะเดินหน้าไปสู่การผ่อนคลายในระยะที่ 4 ได้ ซึ่งอยากให้ถึงระยะที่ 4 โดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในต่างประเทศ ต้องค่อยๆ ดำเนินการผ่อนปรน ไม่ปล่อยเร็วเกินไปจนเกิดปัญหา

ด้านพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เปิดเผยหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดเล็ก ร่วมกับนายกรัฐมนตรีว่า การประชุม ศบค.คณะใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ จะพิจารณาลดเวลาห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ลงอีก 1 ชั่วโมง ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเริ่มตั้งแต่กี่โมงและสิ้นสุดกี่โมง
          
นอกจากนี้ จะมีผลสรุปว่ากิจกรรมและกิจการใดบ้างที่จะได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ซึ่งน่าจะเป็นการเปิดให้ประชาชนสามารถทำกิจกรรมเพิ่มเติมในกิจการที่ได้รับการผ่อนคลายไปแล้วก่อนหน้านี้ อาทิ อาจจะผ่อนปรนให้โรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้า การเปิดกิจการนวดแผนโบราณที่ต้องปรับรูปแบบการให้บริการ การให้ประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัดได้
          
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับข้อมูลและความคิดเห็นจากการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายฯที่ตนจะเสนอในที่ประชุมศบค.คณะใหญ่นั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกลุ่มกิจกรรมหรือกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกันยังจำเป็นต้องเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ทั้งการเว้นระยะห่าง และการสวมหน้ากากอนามัย เพราะยิ่งภาครัฐผ่อนคลายให้มากขึ้น ประชาชนยิ่งต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่หละหลวม รวมถึงต้องใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อการติดตามและเฝ้าระวังมากขึ้นด้วย
          
เมื่อถามว่าจะผ่อนปรนให้โรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ และสวนสนุก ด้วยหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กิจการเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอยู่ จึงยังไม่น่าจะได้รับการอนุญาตให้เปิดทำการ และต้องรอการพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ ขอให้รอความชัดเจนจากที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ส่วนตัวคิดว่าประเภทกิจการและกิจกรรมต่างๆ จะทยอยได้รับการผ่อนคลายหมดภายในเดือน มิ.ย.นี้

หน้าแรก » การเมือง