วันพฤหัสบดี ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567 18:30 น.

การเมือง

ศบค.ไฟเขียวต่างชาติ 6 กลุ่มเข้าไทย-กักตัว 14 วันจ่ายเงินเอง

วันจันทร์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 15.21 น.

ไฟเขียวแล้วบุคคล 6 กลุ่มเดินทางเข้าไทยได้ ศบค.คุมเข้มกลุ่มอยู่นานต้องกักตัว 14 วัน ออกค่าใช้จ่ายเอง จัดคิววันละ 200 คน ส่วนกลุ่มเข้าด้วยข้อตกลงพิเศษมี 4 ประเทศเป้ามาย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน และ 1 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ด้านกลุ่มเข้ามาระยะสั้นคณะไม่เกิน 10 คน คุมเข้มปลอดเชื้อก่อนและห้ามออกนอกเส้นทาง

วันที่ 29 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลายผู้คนเข้าราชอาณาจักรว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอเพิ่มบุคคล 6 กลุ่มเดินทางเข้าประเทศ ได้แก่ 1.คู่สมรสและบุตรของผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานหรือได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ทำงานในราชอาณาจักร หรือ คนที่ได้ Work Permit เดิมได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้ว แต่ญาติไม่ได้เข้ามา ก็อนุญาตให้เข้ามาได้ 2.ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย หรือคนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร 3.คู่สมรสต่างชาติและบุตรที่อบด้วยกฎหมายของผู้มีสัญชาติไทย หรือคนต่างชาติที่แต่งงานกับคนไทยและบุตรอนุญาตให้เข้ามา 4.ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยหรือต่างชาติ ที่ต้องการเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยและมีผู้ติดตามเข้ามา คือ Medical Hub โดยจะเน้นบางโรคบางกลุ่ม ยืนยันว่าไม่ได้เอาคนป่วยโควิด-19 เข้ามา 5.นักเรียนนักศึกษาต่างชาติ และผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว และ 6.ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยหรือต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement) กับประเทศเป้าหมาย อาจจะรวมแขกของรัฐบาล นักลงทุนพิเศษทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอขึ้นมาถึงการจัดทำความตกลงพิเศษ โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค โควตาที่กำหนดให้สอดคล้องกับสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine : ASQ) คือ โรงแรมหรู ที่จับมือกับ รพ. ซึ่งคนเข้ามาต้องจ่ายเงินเองในการอยู่กักตัว 14 วัน โดยขั้นต้นอาจกำหนดจำนวนรวม 200 คนต่อวัน ซึ่งตอนนี้ห้องว่าง 600 กว่าห้องก็คิดว่าน่าจะพอไหว ส่วนประเทศเป้าหมายที่พิจารณา คือ 4 ประเทศและ 1 เขตการปกครอง คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เกณฑ์การพิจารณา คือ 1. มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อไทย 2.ควบคุมการระบาดได้ดีใกล้เคียงกับไทย 3.มีระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ และ 4.มีความพร้อมและความสนใจในการทำความตกลง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเข้ามาทำได้ 2 ระบบ คือ 1.ระบบปกติ (Normal Track) คือ ต้องเข้ามาอยู่ใน ASQ เพื่อกักตัว 14 วันก่อน โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง คือ คนที่ต้องมาอยู่กับเรานานๆ มาทำงานนานๆ และ 2.ระบบ Fast Track คือ มาระยะสั้นๆ หรือมาเร่งด่วน เช่น มาจดทะเบียนลงนามสัญญาสำคัญ 2 วันแล้วกลับ เป็นต้น ไม่ต้องอยู่ 14 วัน แต่ต้องมีเงื่อนไขเข้มงวด โดยหลักเกณฑ์ในการรองรับการเดินทางของแขกรัฐบาล คือ 1.เป็นคณะเล็กไม่เกิน 10 คน 2.เดินทางระยะสั้น 3.ตรวจรับรองการปลอดเชื้อโควิดที่ประเทศต้นทางและเมื่อเดินทางถึงไทย โดยให้ตรวจและรอผลตรงนั้น ต้องเป็นลบ 2 ครั้งถึงเข้าประเทศได้ 4.ให้หน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าภาพเชิญแขกระดับสูง พิจาณาจัดเจ้าหน้าที่ประจำคณะในลักษณะ Liaison Officer ติดตาม หรือมีคนตามประกบ 5. มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานความมั่นคงติดตามคณะนั้นไปด้วย และมีค่าใช้จ่ายให้ทีมเหล่านี้ด้วย และ 6.ต้องจำกัดการเดินทางเฉพาะกำหนดการที่ได้ตกลงไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ห้ามคณะเดินทางไปในที่สาธารณะและห้ามใช้ขนส่งมวลชน สำหรับการเดินทางเข้ามา แบ่งเป็น กลุ่มที่ได้รับการอนุมัติแล้วและยังรอการเดินทาง ให้เดินทางกลับพร้อมคนไทยในเที่ยวบิน Repratiation Flight และกลุ่มที่กำลังขออนุมัติการเดินทาง

ส่วนการลักลอบเข้าประเทศ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ผอ.ศบค.ห่วงใยและสั่งการให้ตรวจสอบ พบว่ามีการเดินทางผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายมีเป็นประจำ และมีรอบพื้นที่ประเทศไทย จึงสั่งการให้ฝ่ายมั่นคงดูแลเข้ม โดยพบว่ามิ.ย.ที่ผ่านมา ในรอบ 24 ชั่วโมงจากลาวจับกุม 7 คน กัมพูชา จับกุม 26 คน พม่า 35 คน และรายงานตลอดทั้งเดือนสะสม 2,498 คน ในช่วงเกือบ 1 เดือน มากที่สุด พม่า 1,276 คน ลาว 142 คน กัมพูชา 1,016 คน เวียดนาม 4 คน จีน 6 คน อินเดีย 27 คน อื่นๆ 27 คน

หน้าแรก » การเมือง